Tuesday, July 22, 2008

โรคไฮโซของพี่น้องตัวแสบ



















ถ้าแฟนคลับน้องคาเวียร์พอจะจำกันได้ สมัยที่คาเวียร์ยังเป็นละอ่อนอยู่ เจ้าไข่ปลาตัวนี้เป็นเชื้อราอย่างแรงที่หูจนขนหาย และเป็นภูมิแพ้ที่หาง
จนกระทั่งทุกวันนี้ หางน้องไข่ปลายังเป็นปล้องอยู่นิดๆพอเป็นพิธี
ถึงกระนั้น พ่อแม่ไข่ปลาก็ยังต้องประคบประหงมลูกสาวตาใสคน
เอ้ย ตัวนี้อยู่ตลอด

แต่...อย่างที่บอกไว้ในตอนที่แล้ว ในขณะที่แม่ไข่ปลาต้องห่างบ้านไปมาเลฯ พ่อไข่ปลาต้องดูแลลูกสาวทั้งสองอยู่คนเดียว คืนแรกเหตุการณ์ปกติ
แต่พอวันที่สอง แม่ไข่ปลาก็ได้รับสายตรงจากไทยไปมาเลฯจากพ่อไข่ปลาว่า
ลูกสาวคนโตท้องเสียแบบไม่หยุดหย่อน ถึงแม้จะทำธุระในกระบะทราย
แต่ด้วยขนที่กรุยกรายของเจ้าหล่อน จึงทำให้ธุระติดตัวออกมาเยี่ยมเยียนพื้นบ้าน นอกจากพ่อไข่ปลาจะต้องตามเช็ดพื้นแล้ว ยังต้องคอยไล่จับคาเวียร์
มาทำความสะอาด และด้วยสมองอันชาญฉลาด และเพื่อความสะดวก (หรือขี้เกียจก็ไม่รู้)ในการทำความสะอาดครั้งต่อๆไป พ่อไข่ปลาเลยใช้วิธีว่า
เปื้อนตรงไหน กร้อนตรงนั้น เพราะคราวหน้าจะได้ไม่เลอะอีก
แชมเปญที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย เพียงแค่ยังไม่ค่อยมีความเป็นมืออาชีพ
ในการถ่ายหนัก อาจจะมีเปื้อนบ้างเล็กน้อย ก็เลยโดนลูกหลงไปด้วย
กลับมาจากมาเลฯ แม่ไข่ปลาเลยได้เชยชมขนเด๋อๆตรงบั้นท้ายของลูกสาวทั้งสอง
ไอเดียบรรเจิดจริงจริ๊งๆพ่อไข่ปลาซาลอน


ปรากฏว่า อาการท้องเสียของคาเวียร์ไม่ใช่เป็นเรื่อง short term
เพราะตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. เป็นต้นมา คาเวียร์ก็ถ่ายไม่ปกติมาตลอด
ถึงแม้จะถ่ายแค่วันละหน แต่ก็ดูเหมือนท้องไม่ค่อยดี ตอนแรกก็คิดว่า
เป็นเพราะเราให้อาหารเปียก คาเวียร์อาจจะไม่ชิน จนเมื่อกลางคืนวันอังคาร
ที่ 29 ก.ค. คาเวียร์อึ๊ปนเลือดออกมาด้วย แม่ไข่ปลาสติแตกอย่างแรง ปากคอสั่น โทร.ไปร้องห่มร้องไห้กับหมอต้อม ตอนนั้นประมาณ 5 ทุ่มกว่า แต่ไม่สนอ่ะ
หมอก็ใจดี ถามอาการคาเวียร์ แล้วหมอก็ให้ดูว่า เลือดที่ออกมาเป็นสีแดงเข้มๆ
หรือแดงสด ถ้าเป็นสีแดงเข้ม แปลว่าเลือดออกจากลำไส้เล็ก อันนี้จะอาการหนัก
แต่เลือดของคาเวียร์เป็นสีแดงสด แปลว่ามาจากลำไส้ใหญ่ ยังพอรอดูอาการได้
แต่แม่ไข่ปลาก็ยังไม่หยุด(สติแตก) โทร.ไปโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
ซึ่งก็ได้คำยืนยันมาเหมือนกัน คืนนั้น ก็เลยพอจะข่มตาหลับได้บ้าง


วันรุ่งขึ้น หลังจากที่กลับจากที่ทำงาน คาเวียร์ก็ยังไม่ดีขึ้น เลยพากันไปรพ.ทองหล่อ
ขนกันไปทั้งบ้านมันเลย ผลออกมาว่า ในอึ๊ของคาเวียร์มีเชื้อแบคทีเรียเยอะมาก
หมอก็ซักเป็นการใหญ่ว่า ชีวิตประจำวันของคาเวียร์เป็นยังไงบ้าง แล้วตัดออกไป
ทีละสาเหตุ เช่นว่า ไม่ได้ออกไปกินดินกินหญ้า ไม่ได้เข้าไปทานน้ำในห้องน้ำ
ไม่ได้คุ้ยขยะ ที่อาจจะเป็นไปได้มีอยู่ 2 อย่างคือ อาจจะชอบมาเลียรองเท้าเวลาที่
ี่เราถอดเอาไว้ หรือไม่ก็แอบกระโดดขึ้นซิ้งค์น้ำ แล้วมาทานน้ำที่เราแช่จานชามเอาไว้
นอกจากจะต้องป้องกัน 2 เรื่องหลังนี้ คาเวียร์ก็ยังได้ยามากินอีก 3 ขนาน
และอาหารกระป๋องพิเศษราคาหรูมาอีก 7 กระป๋อง

ไหนๆก็มาอยู่ที่รพ.กันแล้ว ให้หมอตาดูตาของแชมเปญหน่อยดีกว่า เพราะดูเหมือนว่า
จะบวมตลอดเวลา น้ำตาก็ไหลพรากทุกวัน ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดให้เช้าเย็น
แต่ตาก็จะดูมอมๆตลอด หลังจากตรวจด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ไฮเทคแล้ว
ผลก็ออกมาว่า ท่อน้ำตาน่าจะตัน อาจจะต้องมีการล้างท่อ แต่ยังทำเลยไม่ได้ เพราะ
ตายังบวมอยู่มาก เลยได้แค่ยาหยอดกับยาป้ายตากลับมาบ้าน


เบ็ดเสร็จแมว 2 ตัว หา 2 หมอ ตัวนึงโดนตรวจก้น ตัวนึงโดนตรวจตา
โดนไปเกือบ 2 พัน พ่อกับแม่ไข่ปลาแทบจะต้องไปหาหมอเย็บแผลที่หัว
แต่เอาน่ะ ถ้าแพงแล้วหายก็ โอเค (ว่าแล้วก็ขอผ้ามาเช็ดเลือดที่ริมฝีปากหน่อยซิ)


จากวันที่ไปได้ยามา ชีวิตของพ่อแม่ไข่ปลาก็เปลี่ยนไป เพราะต้องมาสู้รบปรบมือ
กับลูกๆทุกเช้าและก่อนนอน แชมเปญเนี่ย ไม่เท่าไหร่ เพราะยังเด็กอยู่ หลอกล่อได้
ฤทธิ์ยังไม่เยอะ แต่คาเวียร์นี่สิ...สุดจะบรรยาย จากที่เคยทานยาง่ายๆตอนเด็กๆ
ตอนนี้ เจ้าหล่อนล๊อคกรามแน่นมากกกกก ง้างกันไม่ขึ้น พอฉีดยาน้ำเข้าไปได้
ก็พ่นออก แถมมีการก่อหวอดน้ำลาย ฟองฟอดฟูมออกมา ห้อยย้อยจากปาก
เดินหนีทั่วบ้าน นอกจากพ่อแม่จะต้องตามเช็ดพื้น ยังต้องรอให้เจ้าหล่อนหายตื่น
แล้วอุ้มมาทำความสะอาด ล้างขนตรงช่วงหน้าอก แล้วก็ต้องเป่าให้แห้งด้วย
โทร.ไปปรึกษาหมอ หมอก็ลองให้เปลี่ยนเป็นยาเม็ดเล็กๆ พ่อง้างปาก แม่ยัดยา
ลูกดันบ้วนออกมาอีกซะนี่ บางทีนึกว่ากลืนไปแล้ว หันไปดูอีกที ก็คายออกมา
ตบท้ายด้วยการก่อหวอดน้ำลายเหมือนเดิม หมอยังแนะมาอีกว่า ให้ลองบดยา
ใส่อาหาร เพราะยาเม็ดเล็กมาก คาเวียร์ไม่น่าจะรู้สึกอะไร ที่ไหนได้
เจ้าหล่อนดมเสร็จแล้วก็เดินหนีไปเลย หนักไปกว่านั้นคือ คาเวียร์เริ่มจำได้ว่า
ยาจะมาหลังอาหาร เพราะฉะนั้น พอทานเสร็จ ก็จะวิ่งเป็นนินจา หลบไปอยู่ใต้เตียง
ต้องรอให้เผลอๆ ออกมาถึงจะจับมาพันด้วยผ้าเช็ดตัว (อุปกรณ์สำคัญในการ
ป้อนยาแมวที่ดิ้นเก่งๆ) สรุปว่า อาทิตย์ที่แล้ว ขนาดตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า
พ่อกับแม่ไข่ปลาไปทำงานสายกันเกือบทุกวัน แถมพ่อไข่ปลามีแต่รอยข่วนเต็มมือ
แม่ไข่ปลาแอบดีใจเล็กน้อย เพราะหญิงอื่นเห็น จะได้ไม่กล้ามายุ่ง
ประมาณว่าเมียดุ หุหุ


เสาร์ที่ผ่านมาก็พาลูกๆไปรพ.อีกที หมอบอกว่าอึ๊คาเวียร์มีแบคทีเรียเหลืออยู่อีกนิดนึง
ให้ป้อนยาต่อไปถ้าทำได้ (ซึ่งเราก็ตัดสินใจไม่ป้อนต่อ เพราะช่วงหลังๆคาเวียร์เป็นโรค
วิตกจริตไปแล้ว เดินเข้าไปหาไม่ได้เลย วิ่งไปหลบตลอด) ส่วนแชมเปญก็โดนล้าง
ท่อน้ำตา ไปตามระเบียบ และยังได้ยามาทานเพิ่มอีก 2 ขนาน ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหา
เบ็ดเสร็จคราวนี้ก็จ่ายค่าเสียหายไปอีกพันกว่าๆ


หลังจากนั้น อาการของคาเวียร์และแชมเปญดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ 100%
นี่กะว่าจะรอดูไปอีกพักนึง ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก จะย้ายถิ่นฐานไปรพ.สัตว์จุฬาฯ
เพราะได้ข่าวว่าดี (และพ่อแม่ไข่ปลากำลังจะหมดตัว) และล่าสุด เมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.)
ก็พาทั้งสองสาวไปตรวจอีกรอบ ตาแชมเปญดีขึ้นมากหลังจากเริ่มทานยา
หมอเลยฟันธงว่า เป็นโรคภูมิแพ้ พ่อแม่เลยมองหน้ากันเจื่อนๆ ถามหมอว่า แล้วต้องให้
ยาไปเรื่อยๆเลยเหรอ คำตอบของหมอพอจะให้กำลังใจเราได้บ้าง หมอบอกว่า
พอโตขึ้น ภูมิอาจจะดีขึ้น ตอนนี้ให้ยาไปต่ออีกอาทิตย์นึง แล้วหลังจากนี้จะให้ลอง
เว้นวันให้ค่อยๆนานขึ้น แล้วค่อยดูว่าควรจะให้ยาบ่อยแต่ไหน แต่คำตอบของ
หมอที่ตรวจอาการของคาเวียร์นี่ไม่ค่อยจะจรรโลงใจเท่าไหร่นัก เพราะพอเล่า
ให้หมอฟังว่า อึ๊ยังนิ่มอยู่และมีเลือดออกมานิดๆ หมอเลยตรวจแบคทีเรียอีกครั้ง
ผลออกมาว่ามีแบคทีเรียน้อยมาก ไม่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้อึ๊นิ่มหรือมีเลือด
น่าจะเป็นว่า สูตรอาหารที่ให้อาจจะยังไม่เหมาะกับวิธีการย่อยอาหารของเค้า
สิ่งที่ต้องทำก็คือ นอกจากจะต้องให้อาหารกระป๋องอย่างหรูไปเรื่อยๆแล้ว
อย่าให้อาหารเม็ดผสมยี่ห้อ ให้ลองให้ยี่ห้อเดียวอาทิตย์นึง แล้วดูว่าเค้าตอบสนอง
กับยี่ห้อไหนดีที่สุด งานเข้าอีกแล้วนังแม่ไข่ปลา เพราะดันหัวใสเทอาหารเม็ด
สามขนานรวมกันใส่ถังเอาไว้แล้ว คราวนี้เลยต้องมานั่งแยกชนิด แจ่มจริงๆ


พ่อแม่ไข่ปลายังโชคดีอยู่อย่างนึงตรงที่ ถึงแม้ว่าคาเวียร์และแชมเปญ
จะไม่ค่อยสบาย เป็นโรคไฮโซ (ประหนึ่งว่าพ่อแม่รวยมาก) แต่ทั้งสองตัวก็มี
สุขภาพจิตที่ดีมาก ยังเล่นยังกินกันได้เหมือนปกติ เดินมาอ้อน มาให้ลูบอยู่เรื่อยๆ
ชื่นใจซะไม่มี เหมือนถูกหลอกใช้ แต่ก็ยอม นี่แหล่ะน๊าเค้าถึงเรียกคนที่เลี้ยงแมวว่า
ทาสแมว


คราวนี้แฟนๆน้องไข่ปลาคาไหกับน้องเหล้าขาว คงจะพอเข้าใจแล้วชิมิว่า
แม่ไข่ปลาหายไปไหนมา หวังว่าเรื่องยาวๆกับรูปตรึมส์ข้างล่างนี้คงจะจุใจ
แฟนคลับน้องแมวละอ่อนและทำให้หายคิดถึงกันบ้างนะค๊า


คราวหน้า(เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน) จะมาเล่าเรื่องแสบๆของน้องแชมเปญ
ให้ขำๆกัน รับรองว่าไม่ธรรมดา เพราะขณะที่พ่อไข่ปลาเรียกคาเวียร์ว่า
ไอ้แสบ แชมเปญก็โดนพ่อไข่ปลาเรียกว่า ไอ้แสบกว่า
แต่ตอนนี้มาดูรูปกันก่อนดีกว่า.....


กล่องหรรษาที่พ่อไข่ปลาแปลงมาจากกล่องพัดลม
เป็นที่ชื่นชอบของลูกๆมาก แชมเปญจะหนีคาเวียร์ลงกล่อง
แล้วผลุบๆโผล่ๆหลอกล่อคาเวียร์
























ถ้าเผลอออกมาจากรูเมื่อไหร่ คาเวียร์จะรีบเข้าไปชาร์จทันที
มวยปล้ำแมวแบบนี้มีให้เห็นทุกวัน
























โต๊ะที่เป็นชั้นๆ ข้างบนเป็นเขียง พ่อไข่ปลาซื้อมาไว้เตรียมอาหาร
ก็เป็นที่เล่นโปรดอีกอัน
























เก้าอี้ตัวนี้ รับงานหนักทุกคืน เพราะเป็นที่เล่นมวยปล้ำของสองพี่น้อง
และเป็นที่หนีตายของน้องแชมเปญเวลารับมือพี่คาเวียร์ไม่ไหว
























เล่นหนัก ก็หลับสนิท หมดสภาพ(แมว)ทั้งคู่

Tuesday, July 8, 2008

ไปมาเลฯมาแล้น

อ๊ะๆ อย่าเพิ่งต่อว่าต่อขานกันนะจ๊ะ ที่ไม่ได้อัพเนี่ยเพราะมีเหตุผลที่
ฟังขึ้นมากๆ แต่อย่าไปเสียเวลากับเหตุผลเหล่านั้นเลยเน๊อะ
มาอ่านเรื่องแม่ไข่ปลาไปมาเลฯดีกว่า (เนียนมะ)

เมื่อช่วงวันที่ 13 - 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา แม่ไข่ปลาได้มีโอกาสไปมาเลฯมา
เป็นครั้งที่2ของชีวิต ครั้งแรกไปเมื่อตอนม.ปลายนู่น จำอะไรมะได้เลย
แต่คราวนี้ โอ้โฮ...แค่แอร์พอร์ตก็ดูอลังการแล้ว
ในเมืองกัวลาลัมเปอร์ไม่ต้องพูดถึง เดิ้นมั่กๆ

ทริปนี้เป็นทริปจำเป็น ไม่ไปไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นส่วนนึ่งของการเรียน
พูดง่ายๆก็คือ ถ้าไม่ไป ก็ไม่ได้ ดร. มาประดับไว้หน้าชื่อ
สิ่งที่ต้องไปทำที่นู่นก็คือ นำเสนอผลงาน และก็ต้องไปเอางานนั้นที่ลง
ใน e-Book ของที่ประชุม กลับมาให้ Graduate School เพื่อเป็น
หลักฐานยืนยันว่าเราทำครบตามข้อกำหนดทุกอย่าง
จะได้แจ้งจบได้(ซะที)

มีอาจารย์ไปกันทั้งหมด 5 คน ได้นำเสนอผลงานกันคนละวัน
คนละเวลาและคนละห้อง ก็เลยไปให้กำลังใจกันถ้วนหน้า
แถมทุกคนก็จะมีรูปตอนนำเสนอผลงานด้วย แต่เรื่องดวงจุ๊ดเนี่ย
ไม่เข้าใครออกใคร เพราะพอถึงคิวแม่ไข่ปลานำเสนอผลงาน
แบตเตอรี่กล้องดันอ่อนแรง ใช้แฟลชไม่ได้
แถมโดนนำเสนอคนแรก เลยไม่มีเวลาได้เตรียมกล้องกันเท่าไหร่
สรุปรูปแม่ไข่ปลาตอนนำเสนองานเลยเบลอแบบได้ใจ
แต่ก็มีรูปตอนไปเดินเล่นที่พอจะเอามาอวดได้

เริ่มจากรูปวิวก่อนแล้วกันเน๊อะ


















ช่วงเย็นของวันที่ไปถึงก็เดินไปเที่ยวที่ Twin Towers หะรูหะรามาก



















วันต่อมาต้องตื่นแต่ไก่โห่มาลงทะเบียน หน้าตาบวมสุดๆ


















ช่วงเย็นไปเดินเล่น China Town แล้วกลับมางานเลี้ยงที่โรงแรม



















และแล้วก็ถึงวันนำเสนองาน
ได้คิวช่วงบ่าย เลยยังพอพูดจารู้เรื่องและหน้าไม่บวม!



















ส่วนวันสุดท้าย ก็ไปให้กำลังใจอาจารย์ท่านอื่นๆ
แล้วก็ได้ภาพหมู่กลับมาลงข่าวที่มหา'ลัย

ไปมาเลฯตั้งหลายวัน แฟนคลับน้องไข่ปลาไฮโซอาจจะสงสัยว่า
แล้วพี่คาเวียร์น้องแชมเปญอยู่บ้านกับพ่อไข่ปลาแล้วเป็นไงบ้าง
ขอบอกว่า...น่าสงสารทั้งพ่อและลูก
ถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ติดตามตอนต่อไปนะคะ
(หุหุ หลอกให้อยาก แล้วจากไปอีกแล้นนนน)