Sunday, April 27, 2008

แม่ไข่ปลากับเชื้อรา??

ตอนที่แล้วเล่าแค่ว่าคาเวียร์เป็นเชื้อรา ลืมเล่า(แก้ตัว)ว่าทำไมถึงไม่ได้อัพบล๊อกซะนาน
นอกจากที่จะต้องพาคาเวียร์ไปหาหมออาทิตย์ละ 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเพื่อฉีดวัคซีนหลากหลายชนิด อาบน้ำ ทายา สู้กับเชื้อราและอาการภูมิแพ้ทางผิวหนังของลูกสาวสุดเลิฟแล้ว แม่ไข่ปลายังต้องไปออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2 หน แ่ห่ะๆ พูดจาสร้างภาพดีมะ จริงๆแล้วไปทำกายภาพบำบัดต่างหาก เนื่องจากกระดูกคอเสื่อม อ๊ะ...อันนี้ไม่ได้ขึ้นอยูกับอายุนะคะ แต่เป็นที่พฤติกรรมส่วนบุคคล (ดีเฟนด์สุดชีวิต) ใครที่ชอบนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือหรือทำงานกับคอมพิวเตอร์แล็พท๊อปนานๆ
อัตราเสี่ยงที่จะมีอาการนี้มีสูงมาก กระดูกคอของแม่ไข่ปลาเสื่อมไป 2 ข้อ
แถมแนวกระดูกก็ผิดรูป เลยโดนไปพบหมอกับทำกายภาพซะ 12 หน เรื่องค่าเสียหายไม่ต้องพูดถึง ตูดปอดหัวแบะไปเป็นเดือน ก่อนจะนอกเรื่องไปกว่านี้ สรุปว่า แม่ไข่ปลามัวแต่ยุ่งกับการพาตัวเองกับลูกสาวเข้าออกคลีนิคก็เลยอัพบล๊อกช้า
แต่ตอนนี้ตัวแม่หมดคอร์ส (และหมดตัว)แล้ว เลยมีเวลามากขึ้น งั้นเรามาเข้าเรื่องเชื้อรากันต่อดีกว่าเน๊อะ

พอรู้ว่าสาเหตุของการเป็นเชื้อราของคาเวียร์จนทำให้เจ้าหล่อนขนหูหายและหางหลิมแล้ว พ่อแม่ไข่ปลาก็ขะมักขะเม้นกับการไล่จับลูกออกจากห้องน้ำ จะปิดห้องน้ำตลอดก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวอับ จะปิดเฉพาะเวลาที่ต้องปล่อยเค้าอยู่บ้านคน เอ้ย ตัวเดียว จากกิจกรรมไล่จับนี้ เรายังได้ค้นพบฤทธิ์เดชอีกอย่างหนึ่งของลูกสาวตัวแสบ นั่นคือ Selective Hearing เธอเลือกที่จะได้ยินในสิ่งที่เราสั่ง ถ้าคุณเธอกำลังปีนผ้าม่าน จะเขมือบขาเก้าอี้หรือแทะเล็มสายไฟ (แสบมะ) แล้วพ่อกับแม่ไข่ปลาทำเสียงดังๆใส่ว่า่ "แน่ะๆ" เธอก็จะหยุด แต่ถ้าคุณเธอกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ต่อให้เราทำเสียงขู่ดังโหวกเหวกขนาดไหน เจ้าหล่อนก็จะทำหู(ซึ่งไร้ขน)ทวนลม หนวกกระทันหัน เดินเนิบๆเข้าไปซะงั้น ไม่วิ่งด้วยนะ เพราะเดี๋ยวจะแสดงว่าได้ยินว่าเราห้าม เดือดร้อนเราต้องลุกไปอุ้มออกมาวันละไม่รู้กี่รอบ นอกจากนี้ กิจกรรมการป้อนยาก็ทำเอาแม่ไข่ปลาเหงื่อตก เพราะเคยแต่ป้อนยาน้องหมา เก้ๆกังๆงงๆกันทั้งแม่ทั้งลูก จริงๆแล้วหมอยังยุให้หัดอาบน้ำเองด้วยนะ ไม่ไหวอ่ะ...แม่ไข่ปลาฯขอฝึกทีละอย่างละกัน

และแล้วความพยายามของพ่อแม่ไข่ปลาก็สัมฤทธิ์ผล ขนที่หูคาเวียร์ขึ้นมาอย่างสวยงาม ที่หางก็ดีขึ้น ยังเหลือตรงปลายหน่อยนึง แต่...ในขณะที่อาการของลูกดีขึ้นตามลำดับ แม่ไข่ปลาเริ่มสังเกตว่า มีตุ่มแดงๆขึ้นที่ข้างลำตัวช่วงบนด้านซ้าย ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะตัวเองแพ้นู่นแพ้นี่อยู่บ่อยๆ แต่มันคันคะเยอมากกก พยายามจะไม่เกาแล้ว แต่บางทีก็ลืม จากตุ่มเล็กๆ มันเริ่มตีวงแผ่กว้างออกเรื่อยๆ
ด้วยความที่เคยถามหมอต้อมแล้วว่าคนจะติดเชื้อราจากแมวมั๊ย หมอบอกว่าไม่ติด เราเลยไม่คิดว่าเป็นเชื้อรา จะไปหาหมอผิวหนังก็ยังขี้เกียจอยู่ เลยใช้วิธีเข้า google แล้วหาอาการของโรคผิวหนัง เอาล่ะสิ ไหงมันอาการเหมือนกลากเกลื้อน ลูกเป็นเชื้อรา แม่จะมาเป็นกลากเกลื้อนอีกเหรอเนี่ย อยู่เฉยไม่ได้ละ ไปให้หมอผิวหนังเค้าวินิจฉัยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

หลังจากถลกเสื้อให้คุณหมอผิวหนังที่รพ.เซ็นต์หลุยส์ดูวงงามๆข้างลำตัวได้ไม่ถึง 5 วิ คุณหมอยิงคำถามทันที "เลี้ยงแมวรึเปล่าคะ?" หึๆ หมอไม่ต้องพูดต่อ ก็รู้ชะตากรรมตัวเองแล้ว เชื้อราค่ะคุณขา ติดจากลูกสาวตัวแสบนั่นแหล่ะ
แล้วหมอนะ เขียนในประวัติว่าเป็นเชื้อราที่ติดจากแมว แต่เขียนมาในใบรับรองแพทย์ที่ต้องเอาไปเบิกที่ทำงานว่า "เป็นเชื้อราที่ลำตัว" ไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ของเราเล๊ย ตอนเอาไปยื่นที่ทำงาน ต้องรีบอธิบายเป็นพัลวัน

แน่นอน เพื่อคลายข้อกังขา แม่ไข่ปลากลับไปบอกหมอต้อมว่า ติดเชื้อราจากคาเวียร์ หมอก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจแต่อย่างใด แถมพูดออกมาซื่อๆว่า "ถ้าคนมีภูมิต่ำ ก็อาจจะติดได้" เวรกรรมของแม่ไข่ปลาอีกแล้วที่มีภูมิต่ำ เอ๊?? รึว่าหมอเค้าหมายถึงภูมิปัญญา

หลังจากกินยาและทายากันเป็นกระจาดมาเป็นเดือนทั้งตัวแม่ตัวลูก ตอนนี้เราสองคนปลอดเชื้อราแล้วนะคะ และมีรูปงามๆมาฝากค่ะ










ปล. สังเกตที่ปลายหางคาเวียร์
เหลือแค่ไอ้ปล้องนั้นที่ยังเป็น
ผิวหนังอักเสบอยู่
แต่รับรองว่าไม่ใช่เชื้อรา
เพราะแม่ไข่ปลาเชี่ยวชาญ
เรื่องนี้มาก มาจาก
ประสบการณ์ตรงเลยล่ะ


รูปพวกนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 51
2 วันก่อนคาเวียร์จะอายุ 3 เดือนเต็ม















Friday, April 25, 2008

เชื้อรากับคาเวียร์!!!

โอ้ว มายกู๊ดเน็สสสสสส แม่ไข่ปลากรี๊ดลั่นบ้าน ปากสั่น เหงื่อออกท่วมมือ
จะไม่ให้แม่ไข่ปลา(คาไห)ไฮโซสติแตกได้อย่างไร ก็ขนที่หูคาเวียร์หลุดออกมาทั้งแผง!!

---เมื่อ 5 นาทีที่แล้ว---
แม่ไข่ปลากำลังขัดสีฉวีวรรณคาเวียร์ตามที่ได้อ่านตำรามา
หวีขนทุกวันจะได้สลวย เช็ดหน้า เช็ดตา จะได้ไม่มีคราบน้ำตาถาวร
เช็ดไปเช็ดมา ถูไปถูมา "หือ!!" (แม่ไข่ปลาตาเหลือกเล็กน้อย แล้วเริ่มควบคุมสติไม่ได้)
ขนที่หูข้างซ้ายของคาเวียร์หลุดมาเป็นแผง เหลือแต่หนังหูล้วนๆ ตอนนั้นอย่างแรกที่คิดคือ...อย่าบอกนะว่าเป็นขี้เรื้อน เพราะเคยได้ลูกหมามา แล้วเป็นขี้เรื้อนชนิดที่รักษาไม่หาย พยายามอยู่ครึ่งปี ท้ายที่สุดก็ต้องให้หลับไป
เพราะไม่อยากให้เค้าทรมาน เศร้ามากกก ถ้าคาเวียร์จะเป็นแบบนั้นอีก ต้องขาดใจตายแน่

พอตั้งสติได้ ก็โทร.ไปหาเจ้าของที่รับฝากแมวที่เคยตีซี้ไว้ เล่าอาการให้เค้าฟัง เค้าก็วินิจฉัยจากประสบการณ์ว่า น่าจะเป็นเชื้อรา เพราะเป็นโรคฮิตติดอันดับของลูกแมว
แต่ถ้าจะให้แน่ใจ ให้พาไปหาหมอ ซึ่งพี่เค้าก็ให้ทั้งเบอร์โทร.และบอกทางให้ด้วย
แม่ไข่ปลาก็จับคาเวียร์ใส่ตะกร้า บึ่งไปหาหมอทันที

หมอต้อมคอนเฟิร์มค่ะ เชื้อรา 100% แม่ไข่ปลางงสุดชีวิต ทำไมล่ะ ไม่เข้าใจ
เรารักษาความสะอาดแล้วนะ หมอก็ซักฟอกพ่อแม่เป็นการใหญ่ พยายามหาสาเหตุของการเป็นเชื้อรา
บิงโก!! ต้นตอของปัญหาคือ ปล่อยให้คาเวียร์นอนในห้องน้ำ ด้วยความที่ด้อยประสบการณ์และปัญญา์ ไอ้เราก็กลัวลูกจะร้อน เห็นว่าชอบเดินไปนอนในห้องน้ำ เราก็ปล่อย ตามสบายเลยลูก แถมเวลาไม่อยู่บ้าน
ก็เปิดประตูห้องน้ำไว้ให้อีก ส่งเสริมกันเข้าไป (เข้าข่ายพ่อแม่รังแกฉันมั๊ยเนี่ย?)

อ่ะ โล่งอก เรารู้สาเหตุละ คราวนี้ก็ป้องกันได้ แต่หมอก็มาพูดให้ใจแป้วอีก
"เชื้อราเนี่ย จะรักษาให้หาย มันใช้เวลานะ ต้องอดทน"
ไม่เป็นไร แม่ไข่ปลาสู้ตาย จะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา
"ป้อนยาทุกวัน ทายาทุกวัน พามาอาบน้ำอาทิตย์ละ 2 หนนะคะ"
(นี่ยังไม่รวมการฉีดวัคซีนต่างๆ) เอาฟะ เป็นไงเป็นกัน เพื่อความงามลูกสาว
ก่อนกลับ ด้วยความห่วงสวยของตัวเอง ก็ถามหมอว่าเชื้อราเนี่ย มันติดคนมั๊ย
"ไม่ติดหรอกค่ะ เนี่ย หมอก็นอนกับแมวตั้งหลายตัว"
ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวคนอื่นจะไม่กล้าเข้าใกล้คาเวียร์

เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิคุณขา เป็นเชื้อราอย่างเดียวยังไม่สะใจ ชีวิตมันยังง่ายไป
วันรุ่งขึ้น ขณะทายาอยู่ แม่ไข่ปลาไปจับหางคาเวียร์ "หือ!!" (นึกในใจ งานเข้าอีกแล้วตู)
เนื้อหางมันขรุขระ แข็งๆ ประปรายตั้งแต่โคนยันปลายหาง จะว่าเชื้อราก็อาการไม่เหมือน โทร.หาหมอต้อมดีกว่า แล้วก็ตามคาด แม่ไข่ปลาต้องมาแพ็คคาเวียร์ลงตะกร้า
กระเตงไปหาหมอทันที หลังลูบคลำแล้ว หมอต้อมก็วินิจฉัยว่า "อ๋อ...ไม่ใช่เชื้อราหรอก
เป็นภูมิแพ้... แต่ก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าเค้าแพ้อะไร ลูกแมวน่ะ ภูมิต่ำ แพ้ง่าย"
(เวรกรรม) แล้วหมอก็พ่นต่อว่า "ใช้ยาเดียวกันก็ได้นะ แต่ เอ๊ะ.." (อะไรอีกล่ะ)
"เป็นที่หางเนี่ย เดี๋ยวเค้าเลีย เอายาม่วงไปทาดีกว่า ทาที่หูด้วยก็ได้นะ
..อีกอย่างนึง..." (ว่ามา ตูทำใจละ) "ตัดขนที่หางออกดีกว่า จะได้ทายาง่ายๆ เวลาอาบน้ำ ผิวหนังจะได้โดนแชมพูยาเยอะๆ" จริงๆแล้ว แม่ไข่ปลาตาลายหูอื้อตั้งแต่คำว่าตัดขน
โกโซบิ๊กแล้วลูกไข่ปลาฉัน แต่...ก็อยากให้เค้าหายเร็วๆ "โอเคค่ะหมอ" ปริบ ปริบ

และนี่คือสภาพของคาเวียร์ในวันนั้น น่าสงสารมากกกกกก















เพื่อนบางตัวดันมาถามว่า "แกแน่ใจนะว่ามันจะไม่ลามจากหางขึ้นมาหัว" ใจร้ายยยยย
อีกคนก็เสริม "หรือจะจากหูไปหางวะ" แม่ไข่ปลาทนไม่ไหว เลยสวนไปว่า
"จากไหนไม่รู้ล่ะ แต่ลามไปหัวพวกแกชัวร์" หุหุ สรุป...แม่ไข่ปลาใจร้ายสุด
ช่วยไม่ได้ มาว่าลูกสาวไฮโซฉันก่อน

.....เชื้อรากับคา์เวียร์ยังไม่จบแค่นี้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ.....

Thursday, April 10, 2008

ไข่ปลาย่องงีบ (หลับกระจุยภาค 2)

มาแว๊ววว ภาค 2 ของน้องไข่ปลาหลับกระจุย คราวนี้ไม่ต้องรอให้เจ้าป้า้มาทวง และอาจจะไม่อินเทรนด์กับเทศกาลประกวดอาหารจานเด็ดของสมาคมแม่ศรีเรือน
แต่อย่างว่า ความอยากอวดลูกสาวมันไม่เข้าใครออกใครนิ อ่ะ ขอเริ่มเลยละกัน

นอกจากคาเวียร์จะชอบหลับเป็นชีวิตจิตใจแล้ว สาวเจ้ายังมีนิสัยอีกอย่างหนึ่งที่น่ารักน่าชัง
และบางทีก็น่ารำคาญ นั่นก็คือ การย่องประชิด เวลาเรียกให้มาหา แทนที่จะรีบวิ่งมา
หรือค่อยๆเดินมา คาเวียร์ก็จะค่อยๆย่องเข้ามาหา ประหนึ่งว่า เราไม่เห็นเค้า
ทั้งๆที่ก็จ้องหน้ากันอยู่นั่นแหล่ะ ที่บอกว่าบางทีก็น่ารำคาญเพราะ เวลาเราปิดไฟห้องรับแขก
แล้วเรียกเข้าห้องนอน คุณเธอก็ย่องเป็นกิโล ไอ้เราก็โ-ตรง่วง แต่ต้องรอมันเข้ามาก่อน
ถึงจะปิดประตูนอนได้ พ่อกับแม่แทบจะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนรออยู่ที่ประตู

งีบกับย่อง ฟังดูค่อนข้างจะธรรมดาสำหรับแมว แต่คาเวียร์มันเอามารวมกันนี่สิ
เฮ้ออออ น่ารัก (ก็ลูกนิ ทำอะไรก็น่ารัก อิอิ) วันก่อนนู้น แม่ไข่ปลานั่งทำงานอยู่
เหลือบไปเห็นว่า คาเวียร์ไปเล่นอยู่ในห้องน้ำ ก็รีบเรียกให้มันออกมา
"ออกมาเร็ว คาเวียร์ มาเร็ว มาเร็วๆ มานี่" เป็นไปตามคาด เราจ้องหน้ากัน
แล้วคาเวียร์ก็ค่อยๆย่อง... ค่อยๆย่อง... ค่อยๆย่อง...
แม่ไข่ปลาหมดความอดทน ขี้เกียจจ้องหน้า เลยหันกลับมาทำงานกับคอมฯ
เวลาผ่านไปซักแป๊บ เอ๊ะ.. ทำไมยังย่องมาไม่ถึงซักที หันกลับไปดู และนี่คือสภาพที่เห็น




ที่แท้... ก็ย่องมาไม่พ้นห้องน้ำ หลับคาขอบประตู ปล่อยให้แม่นั่งรอเก้อ ลูกช่างประเสริฐจริง

(ในขณะที่สมาคมแม่ศรีเรือนประชันอาหารจานหรูกัน แม่ไข่ปลาเอาเรื่องคาเวียร์มาเล่าบังหน้า
จริงๆแล้ว แอบโชว์ห้องน้ำ อวดทักษะการการเช็ดล้าง ใครจะมาร่วมประชันบ้างมั๊ยเ่อ่ย)

เพื่อให้เข้ากับเทศกาล แม่ไข่ปลาขออวยพรให้ทุกคนสุขสันต์วันสงกรานต์ด้วยรูป
การอาบน้ำครั้งแรกของคาเวียร์ แฮปปี้ ฮอลิเดย์ ทู ยู ออล นะค๊าาาา


Monday, April 7, 2008

ไข่ปลาหลับกระจุย

ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาเขียนเรื่องของเล่นไฮโซโชว์ออฟของน้องไข่ปลาคา์เวียร์ แต่เปลี่ยนใจละ พอดีไปดูรูปที่ถ่ายจากมือถือ เห็นว่าเป็นรูปตอนคาเวียร์หลับซะเยอะ กอปรกับมีเวลาอัพบล๊อกแป็บเดียว เลยมาเขียนเรื่องน้องไข่ปลานอนกินบ้านกินเมืองดีกว่า

เรื่องมีอยู่ว่า 1วันหลังจากไปรับคาร์เวียร์มา แม่ไข่ปลาต้องออกไปทำธุระ ก่อนออกจากบ้าน แม่ใหม่หัดเลี้ยงแมว ก็จัดแจงทุกอย่างเพื่อให้คาเวียร์ไม่รู้สึกเหงา เปิดทีวีช่อง 3 (กลัวลูกยังฟังภาษาอังกฤษไม่ออก แล้วจะงอแง) เปิดพัดลม เปิดม่าน เปิดประตูห้องน้ำไว้ (พื้นห้องน้ำเย็นๆ ลูกจะได้ไปนอนเวลารู้สึกร้อน ซึ่งอันนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ แล้วจะมาแฉในคราวต่อไป) เอาของเล่นมากระจายบนพื้น (เพื่อลูกจะได้เลือกเล่น) กว่าจะออกจากบ้านได้ แม่ก็หน้ามันพอดี

ช่วงที่อยู่ข้างนอก แม่ไข่ปลาก็คิดถึงแต่คาเวียร์ตลอด เป็นห่วงว่าจะอยู่ตัวเดียวไม่ได้ จะร้องมั๊ยน๊า จะเหงามั๊ยน๊า คิดไปเรื่อยเปื่อย ถึงขั้นว่าตัดธุระออกไปอย่างนึง เพื่อที่จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น (จริงๆแล้ว รวมเวลาที่ออกไปทั้งหมดก็ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น) พอกลับมาถึงคอนโด ตอนไขกุญแจก็คิดว่า เปิดประตูเข้าไปต้องเจอคาเวียร์รออยู่เป็นแน่แท้ แต่...ว่า่งเปล่า ไร้ซึ่งเงาของแมวฝรั่ง แม่ไข่ปลาก็เลยเริ่มเรียกร้องหาลูก "ค๊าเวียร์~~~~~~ ข่าเวียร์~~~~~~"
(เอาทุกสำเนียงเท่าที่นึกได้ เพราะไม่มั่นใจเชื้อสายที่มาของลูก) ร้องเรียกอยู่ซักพักไอ้ลูกตัวแสบก็เดินออกมาด้วยหน้าตาอย่างนี้เดี๊ยะ


ดูจากหน้าตาแล้ว แม่ไข่ปลาขอเดาว่า มันคงด่าอยู่ในใจ ประมาณว่า "ใครปลุกตูฟะ!?!" ไอ้คนร้องเรียกเห็นหน้าแบบนี้แล้วรู้สึกผิดกระทันหัน ได้แต่ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ "คราวหน้าแม่จะเข้ามาเงียบๆจ้ะลูก ขอโทษที่รบกวนจ้า"กรู...หลงห่วงซะตั้งนาน อุตส่าห์รีบกลับมา ดันมาเจอแมวทำหน้าตารำคาญใส่อีก เดี๊ยะ เตะโด่งกลับคลอง 6 ซะเลย (อุ๊ย! รู้พื้นเพหมดเลย)

หลังจากนั้น จากการดูพฤติกรรมของไอ้ เอ้ย น้องคาเวียร์ พ่อกับแม่ไข่ปลาก็ได้ค้นพบทักษะอย่างนึงของลูก "หลับกระจุย" (ในขณะที่น้องธีร์แดนซ์กระจาย) แมวคนอื่นก็คงมีทักษะนี้เหมือนกัน แต่แม่ไข่ปลาขอ proudly present ลีลาลูกสาวค่ะ


see? ไม่ให้มาอวดได้ยังไง จะนอนหงาย จะคว่ำ จะตะแคง หรือจะหัวทิ่ม คาเวียร์ก็บ่ยั่น หลับได้ทุกสถานการณ์ และขอทิ้งท้ายเรื่องตอนนี้ด้วยที่นอนโปรดของคาเวียร์อีกที่นึงค่ะ


ที่แอ่งใจกลางระหว่างหน้าอก (อันอวบอิ่ม) และพุง (อันกลมมน) ของพ่อไข่ปลาไฮโซ คนนี้นี่เองงงงงง

Tuesday, April 1, 2008

วัน(ระทึก)แรกของพ่อแม่กับน้องไข่ปลาฯ

อย่างที่พอจะรู้กันพอสังเขปว่า (ต้องใช้คำวิชาการเล็กน้อยเพื่อล่อลวงเจ้าป้าเข้ามาเม้นต์)
แม่กับพ่อไข่ปลาเนี่ย เป็น dog lovers ทั้งคู่ ทางบ้านเนี่ยไม่มีใครเลี้ยงแมวมาก่อน
แต่ด้วยความจำเป็นที่ว่า ที่คอนโดหรูใจกลางเมือง (67 ตร.ม.) เค้าไม่ยอมให้เลี้ยงหมา
ก็เลยตกลงว่า เลี้ยงแมวก็แล้วกัน เพราะก็เคยได้ยินมาตลอดว่า แมวอยู่ตัวเดียวได้
ไม่ need attention เท่ากับหมา แม่ะ..เหมาะกับวิถีการดำรงชีวิตของเราซ๊ะ
ก็เลยเริ่มหาใน google ในที่สุดเจอคนนึงเค้าบอกว่า เป็นแมวบ้าน ไม่ใช่ฟาร์ม
แล้วเราก็นัดเจอกัน ดูตัว ถูกใจ จ่ายเงิน อุ้มขึ้นรถเลย (แมวนะ ไม่ใช่เจ้าของ)

ฟังดูง่าย แต่ขอบอก หนทางกลับรถทุลักทุเลสุดๆ
เพราะน้องแมวตัวส้ม สุภาพ (อี้กระจาย) ตลอดทาง
ใครเคยเลี้ยงแมว คงจะรู้ซึ้งดีว่า กลิ่นนั้นยวนใจขนาดไหน
โอปวิเคราะห์ทันทีว่า มันคงตื่นเต้นตกใจแล้วท้องเสีย "ก็เหมือน honey ไง"
เถียงไม่ออกเลยตรู

จากนั้นก็มุ่งตรงหาร้านสัตวแพทย์ทันที อุ้มแมวใส่ผ้าขนหนูเดินเข้าร้านหมอ
หมอ: เป็นอะไรครับ?
ต่อ: เิพิ่งซื้อมาค่ะ
หมอ: (อึ้งเล็กน้อย) แล้วเป็นอะไรครับ?
ต่อ: ไม่เป็นไรค่ะ แต่ช่วยดูให้หน่อยได้มั๊ยคะว่าเป็นอะไรรึเปล่า?
หมอ: (อึ้งอีกเล็กน้อย และอาจจะคิดในใจว่า "นี่ถ้าไม่รู้จักพ่อนังนี่ กรูจะถีบออกไปทันที")
แล้วหมอก็มาลูบแคะแกะเกา เอากรรไกรมาตัดขนที่เป็นก้อนพอเป็นพิธี และวินิจฉัยว่าสมบูรณ์ดี
จากนั้นก็ give intensive lecture เกี่ยวกับการเลี้ยงแมว
(เข้าใจว่าหน้าตาของเราสองคน คงจะส่อแววฉลาดมาก)

ความเห่อไม่เข้าใครออกใคร พ่อแม่ใหม่ก็กระเตงลูกใหม่ไปร้าน pet shop
ถอยทุกอย่างที่เป็นเกรด A มา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ทราย กระบะทราย ของเล่น ที่นอน ฯลฯ
ไฮโซขนาดนี้ โอปเลยตั้งชื่อว่า Caviar เป็นไข่ปลาที่แพงมาก แถมยังคล้องกับ Cartier
ฟังเหมือนจะ happy ending สำหรับวันแรก แต่...
ปรากฏว่า น้องไข่ปลา ชอบทานอาหารแมวที่ซื้อมาอย่างเดียว
ส่วนที่เหลือ เหมือนซื้อมา show off เพราะ น้องไข่ปลาไม่ชอบนอนบนที่นอน
แต่ชอบนอนพื้น น้องไข่ปลาไม่ชอบของเล่นซักชิ้นที่ซื้อมา แต่ชอบริบบิ้นเก่าๆที่บ้าน
น้องไข่ปลาไม่ชอบทรายไฮโซ เลยไปฉี่ข้างกล่องกระดาษในห้องนอน

พ่อแม่ได้แต่มองตามตาปริบๆ โถ...ลูก
ท่าทางลูกจะเหมาะกับชื่อ(นัง)น้องไข่ปลา มากกว่านะจ๊ะ