Friday, April 25, 2008

เชื้อรากับคาเวียร์!!!

โอ้ว มายกู๊ดเน็สสสสสส แม่ไข่ปลากรี๊ดลั่นบ้าน ปากสั่น เหงื่อออกท่วมมือ
จะไม่ให้แม่ไข่ปลา(คาไห)ไฮโซสติแตกได้อย่างไร ก็ขนที่หูคาเวียร์หลุดออกมาทั้งแผง!!

---เมื่อ 5 นาทีที่แล้ว---
แม่ไข่ปลากำลังขัดสีฉวีวรรณคาเวียร์ตามที่ได้อ่านตำรามา
หวีขนทุกวันจะได้สลวย เช็ดหน้า เช็ดตา จะได้ไม่มีคราบน้ำตาถาวร
เช็ดไปเช็ดมา ถูไปถูมา "หือ!!" (แม่ไข่ปลาตาเหลือกเล็กน้อย แล้วเริ่มควบคุมสติไม่ได้)
ขนที่หูข้างซ้ายของคาเวียร์หลุดมาเป็นแผง เหลือแต่หนังหูล้วนๆ ตอนนั้นอย่างแรกที่คิดคือ...อย่าบอกนะว่าเป็นขี้เรื้อน เพราะเคยได้ลูกหมามา แล้วเป็นขี้เรื้อนชนิดที่รักษาไม่หาย พยายามอยู่ครึ่งปี ท้ายที่สุดก็ต้องให้หลับไป
เพราะไม่อยากให้เค้าทรมาน เศร้ามากกก ถ้าคาเวียร์จะเป็นแบบนั้นอีก ต้องขาดใจตายแน่

พอตั้งสติได้ ก็โทร.ไปหาเจ้าของที่รับฝากแมวที่เคยตีซี้ไว้ เล่าอาการให้เค้าฟัง เค้าก็วินิจฉัยจากประสบการณ์ว่า น่าจะเป็นเชื้อรา เพราะเป็นโรคฮิตติดอันดับของลูกแมว
แต่ถ้าจะให้แน่ใจ ให้พาไปหาหมอ ซึ่งพี่เค้าก็ให้ทั้งเบอร์โทร.และบอกทางให้ด้วย
แม่ไข่ปลาก็จับคาเวียร์ใส่ตะกร้า บึ่งไปหาหมอทันที

หมอต้อมคอนเฟิร์มค่ะ เชื้อรา 100% แม่ไข่ปลางงสุดชีวิต ทำไมล่ะ ไม่เข้าใจ
เรารักษาความสะอาดแล้วนะ หมอก็ซักฟอกพ่อแม่เป็นการใหญ่ พยายามหาสาเหตุของการเป็นเชื้อรา
บิงโก!! ต้นตอของปัญหาคือ ปล่อยให้คาเวียร์นอนในห้องน้ำ ด้วยความที่ด้อยประสบการณ์และปัญญา์ ไอ้เราก็กลัวลูกจะร้อน เห็นว่าชอบเดินไปนอนในห้องน้ำ เราก็ปล่อย ตามสบายเลยลูก แถมเวลาไม่อยู่บ้าน
ก็เปิดประตูห้องน้ำไว้ให้อีก ส่งเสริมกันเข้าไป (เข้าข่ายพ่อแม่รังแกฉันมั๊ยเนี่ย?)

อ่ะ โล่งอก เรารู้สาเหตุละ คราวนี้ก็ป้องกันได้ แต่หมอก็มาพูดให้ใจแป้วอีก
"เชื้อราเนี่ย จะรักษาให้หาย มันใช้เวลานะ ต้องอดทน"
ไม่เป็นไร แม่ไข่ปลาสู้ตาย จะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา
"ป้อนยาทุกวัน ทายาทุกวัน พามาอาบน้ำอาทิตย์ละ 2 หนนะคะ"
(นี่ยังไม่รวมการฉีดวัคซีนต่างๆ) เอาฟะ เป็นไงเป็นกัน เพื่อความงามลูกสาว
ก่อนกลับ ด้วยความห่วงสวยของตัวเอง ก็ถามหมอว่าเชื้อราเนี่ย มันติดคนมั๊ย
"ไม่ติดหรอกค่ะ เนี่ย หมอก็นอนกับแมวตั้งหลายตัว"
ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวคนอื่นจะไม่กล้าเข้าใกล้คาเวียร์

เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิคุณขา เป็นเชื้อราอย่างเดียวยังไม่สะใจ ชีวิตมันยังง่ายไป
วันรุ่งขึ้น ขณะทายาอยู่ แม่ไข่ปลาไปจับหางคาเวียร์ "หือ!!" (นึกในใจ งานเข้าอีกแล้วตู)
เนื้อหางมันขรุขระ แข็งๆ ประปรายตั้งแต่โคนยันปลายหาง จะว่าเชื้อราก็อาการไม่เหมือน โทร.หาหมอต้อมดีกว่า แล้วก็ตามคาด แม่ไข่ปลาต้องมาแพ็คคาเวียร์ลงตะกร้า
กระเตงไปหาหมอทันที หลังลูบคลำแล้ว หมอต้อมก็วินิจฉัยว่า "อ๋อ...ไม่ใช่เชื้อราหรอก
เป็นภูมิแพ้... แต่ก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าเค้าแพ้อะไร ลูกแมวน่ะ ภูมิต่ำ แพ้ง่าย"
(เวรกรรม) แล้วหมอก็พ่นต่อว่า "ใช้ยาเดียวกันก็ได้นะ แต่ เอ๊ะ.." (อะไรอีกล่ะ)
"เป็นที่หางเนี่ย เดี๋ยวเค้าเลีย เอายาม่วงไปทาดีกว่า ทาที่หูด้วยก็ได้นะ
..อีกอย่างนึง..." (ว่ามา ตูทำใจละ) "ตัดขนที่หางออกดีกว่า จะได้ทายาง่ายๆ เวลาอาบน้ำ ผิวหนังจะได้โดนแชมพูยาเยอะๆ" จริงๆแล้ว แม่ไข่ปลาตาลายหูอื้อตั้งแต่คำว่าตัดขน
โกโซบิ๊กแล้วลูกไข่ปลาฉัน แต่...ก็อยากให้เค้าหายเร็วๆ "โอเคค่ะหมอ" ปริบ ปริบ

และนี่คือสภาพของคาเวียร์ในวันนั้น น่าสงสารมากกกกกก















เพื่อนบางตัวดันมาถามว่า "แกแน่ใจนะว่ามันจะไม่ลามจากหางขึ้นมาหัว" ใจร้ายยยยย
อีกคนก็เสริม "หรือจะจากหูไปหางวะ" แม่ไข่ปลาทนไม่ไหว เลยสวนไปว่า
"จากไหนไม่รู้ล่ะ แต่ลามไปหัวพวกแกชัวร์" หุหุ สรุป...แม่ไข่ปลาใจร้ายสุด
ช่วยไม่ได้ มาว่าลูกสาวไฮโซฉันก่อน

.....เชื้อรากับคา์เวียร์ยังไม่จบแค่นี้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ.....

3 comments:

แม่ลูกสาม said...

โธ่น่าสงสาร ผิวบางก็งี้แหละหนู ขอให้หายหู/หางม่วงเร็วๆ นะจ๊ะ คาร์เวียร์

น้องต่อ... พี่ขอทวงรางวัลทำความสะอาดห้องน้ำดีเด่นคืนนะ ดู๊ดู ทำหลาน(แมว)สาวไฮโซ ของพี่ได้...

ปล. ยังไงก็หลับเนอะ

Caviar's Mama said...

ช้าก่อนท่านพี่(ช่วงนี้ดูหนังจีนเยอะ)
ทักษะการรักษาความสะอาดห้องน้ำของหนู
ยังมิได้ถดถอยนะคะ แต่แดดส่องไปไม่ถึง
ห้องเลยชื้น แล้วขนหลานไฮโซของพี่เนี่ย มันก็หนาซะขนาดนั้น สาวเจ้าก็เลยเป็นเชื้อรา
แก้ตัวซะยาว ฟังขึ้นบ้างมั๊ยเนี่ย

ปล.กล้องที่บ้านมัน slow มากอ่ะ เลยจับภาพได้เฉพาะตอนมันหลับ แต่วันก่อนนู้นไปใช้กล้องเพื่อนถ่ายรูปมาแล้ว ไว้จะเอามาโพสต์เร็วๆนี้ค่ะ

แม่ลูกสาม said...

เราก็นึกว่าแม่เจ้าไข่ปลาจะต่อภาค 2 ที่แท้ก็พอกันละว้า ฮิฮิ