Wednesday, June 11, 2008

โกลาหลซีรีส์

เฮ้ออออ ไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนก่อนดี เพราะดองไว้เยอะ
แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนชื่อเรื่องซะเหลือเกิน
โกลาหลซะจนทำเอาแม่ไข่ปลาทั้งปวดกบาล เศร้า เครียด
แต่ก็ตบท้ายด้วยการหัวเราะ (เพราะ happy ending นะจ๊ะ ไม่ใช่เป็นบ้า)
เอาเป็นว่าขอเคาะดินออกจากหางทีละเปราะก็แล้วกัน

กลับจากปากช่อง แม่ไข่ปลาก็ขะมักขะเม้นและขะมั่วปลูกต้นข้าวสาลี
พี่ปิ๊กทาสแมวใจดีที่ส่งเมล็ดข้าวมาให้ คงสามารถสัมผัสได้ถึงสติปัญญาของแม่ไข่ปลา
เลยส่งวิธีปลูกมาให้ด้วย เป็นข้อๆละเอียดยิบ แม่ไข่ปลาซึ่งขึ้นชื่อว่ามีมือที่ร้อนฉ่า
ปลูกอะไรก็เหี่ยวตายเป็นเบือ เหมือนโรคระบาดยังไงอย่างงั้น ก็เลยตื่นเต้นมาก
อ่านวิธีทำทั้งก่อน ระหว่าง และหลังทำทุกขั้นตอน เหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
ขาดความมั่นใจในตัวเองเป็นที่สุด จนกระดาษวิธีทำเปื่อยเหี่ยว เหมือนผ่านมาหลายมือ
"เอ๊ะ เค้าให้แช่เมล็ดกี่ชั่วโมงนะ" "เอ๊ะ เราแช่ไปนานแค่ไหนแล้วนะ"
"เอ๊ะ ต้องปิดกระดาษไว้นานแค่ไหนนะ" "เอ๊ะ ต้องฉีดน้ำกี่หนนะ" และอีกหลายๆเอ๊ะ
จนในที่สุด ก็ได้ต้นข้าวสาลีี่อ่อนเขียวขจีมาให้แม่ไข่ปลาเชยชม
























แล้วมันโกลาหลตรงไหน ก็ตรงที่ว่า "เอ๊ะ อะไรขาวๆหว่า" "โอ้แม่เจ้า ราเว้ย"
มาได้ไงเนี่ย โดนแดดโดนลมขนาดนี้ รานี่มันดื้อด้านจริงๆ ร้อนรนไปถามพี่ปิ๊ก แต่ก็ได้คำตอบคล้ายๆกับตอนที่คาเวียร์เป็นเชื้อราที่หมอบอกว่า
"มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และมันมีได้หลายสาเหตุ" ไม่เป็นไรวุ้ย
อย่างน้อยก็ปลูกขึ้นล่ะฟะ แต่แทนที่จะสามารถยกไปทั้งกระถางให้คาเวียร์ได้เล็ม
ก็คงต้องใช้วิธีตัดไปผสมอาหารแทน อ่ะ..โกลาหลที่หนึ่งนี่ยังเบาะๆ
มาติดตามเรื่องที่สองกันดีกว่า

ตามที่ได้หมายมั่นปั้นมือไว้ว่า แม่ไข่ปลาอยากหาน้องแมวสาวมาเป็นเพื่อนคาเวียร์
พ่อแม่ไข่ปลาก็รอให้แมวของรุ่นน้องเค้าโตพอที่จะแยกเพศได้อย่างใจจดจ่อ
และแล้วก็ถึงวันนี้ที่รอคอย (ลิเกและเก่าดีมะ) น้องปลาแอร์ฯสาวโทร.มาบอกว่า
พาแมวไปให้หมอดูเพศแล้ว ผู้สองเมียสอง "พี่มาเลือกไปได้เลย"

วันเสาร์ที่แล้ว หลังจากที่ไปทำธุระกันเสร็จ พ่อแม่ไข่ปลาก็ดิ่งไปบ้านน้องปลา
ตื่นเต้นกันมาก แล้วก็ได้น้องเหมียวหน้าตาดีมา 1 ตัว แต่น้องเหมียวตัวนี้มีหมัด
กลัวจะเอาไปติดคาเวียร์ เราเลยรีบดิ่งจากวิภาวดีไปหาหมอต้อมเจ้าเก่าแถวสาทร
ก่อนจะหยอดยาไล่หมัด ด้วยความละเอียดของหมอต้อม หมอก็ยกหางขึ้นมาดู
แล้วทำหน้าสงสัย นังแม่ไข่ปลายังไม่รู้ชะตากรรม คุยเล่นกับพ่อไข่ปลา
แหม..ก็ได้ลูกสาวมาใหม่นิ ซักแป๊บหมอต้อมก็พูดเสียงแบบรักษาน้ำใจพ่อแม่ดวงจู๋ว่า
"หมอว่า...เค้าเป็นตัวผู้นะ" (เราอ้าปากค้าง ตาค้าง ไร้เสียงตอบโต้)
หมอคงยังไม่สาแก่ใจ เพราะมีการพูดเหมือนท้าทายว่า
"นี่ไง มาลองคลำดูสิ มีไข่ 2 ลูก" ตอนนั้นกำลังช๊อค ใครพูดอะไรก็ทำตาม
นังแม่ไข่ปลาก็เอื้อมมือไปจับ แล้วหันไปบอกพ่อไข่ปลาแบบหน้าเจื่อนๆ
"2 ลูกจริงๆด้วยฮันนี้" เลยรีบโทร.ไปบอกเจ้าของแมว แถมคอนเฟิร์มไปด้วยว่า
"พี่ได้จับไข่มันแล้วด้วย"

[อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ คลีนิกนังหมอผู้หญิงคนที่น้องปลาพาลูกแมว
ไปแยกเพศเนี่ย มันอยู่ที่ไหนฟะ อยากไปเผาให้วอดจริงจริ๊ง]

ตอนแรกแม่ไข่ปลาก็เกือบใจอ่อน ตัวผู้ก็ได้ (เสียงอ่อย) ทำหมันเอา
แต่พอหมอบอกว่า ถึงแม้ทำหมันแล้ว แต่นิสัยตัวผู้ที่ยังชอบฉิ๊งฉ่องนอกกระบะทราย
ก็ยังไม่หมดไปหรอกนะ พ่อไข่ปลาก็ปฏิเสธแบบหัว(และพุง)ชนฝา เพราะกลัวว่า
คอนโดหรู 67 ตร.ม. จะอวลไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เราเลยจำใจต้องเอา
น้องแมว(ที่เกือบจะมาเป็นสามีน้องไข่ปลา)ไปคืนเจ้าของ และนี่คือรูปของน้องแมว
ที่ทำให้แม่ไข่ปลาเกือบเสียน้ำตาเพราะความเสียดาย อุ้มแป๊บเดียวก็หลงรักไปแล้ว
























แต่..เราก็ยังมีความหวังว่า ไปเอาตัวเมียอีกตัวมาแทนก็ได้ เราไม่เลือกแล้ว
ขอให้ได้น้องสาวมาเป็นเพื่อนเล่นกับคาเวียร์ก็พอใจแล้ว พอไปถึงบ้านน้องปลา
เพื่อความชัวร์ ก่อนจะผิดหวังซ้ำซ้อน เลยเอาน้องแมวอีกตัว (ที่เค้าบอกว่าเป็นตัวเมีย)
มาดูระยะห่างของสองรู (วิตถารอีกแล้วผัวเมียคู่นี้) "เวร..ทำไมเหมือนตัวตะกี๊เลย"
(ไหนลองคลำดูซิ) "ชัวร์" แม่ไข่ปลาหันไปมองพ่อไข่ปลา "มีไข่สองใบอีกแล้ว"
สรุป.. กินแห้วกันพุงกาง ดวงมันจะไม่ได้ของฟรี ใครจะไปคิด ลูกแมวออกมาสี่ตัว
มีไข่ทั้งหมดแปดใบ และที่สำคัญ นังแม่ไข่ปลาคลำมาหมดแล้น

ยั๊งงงง...ยังไม่หมดความตั้งใจ ก็คาเวียร์อายุ 4 เดือนกว่าแล้ว
เท่าที่ศึกษามา เค้าบอกว่า ไม่ควรจะให้อายุแมวต่างกันมาก ประเดี๋ยวจะเข้ากันลำบาก
ออกจากบ้านรุ่นน้องปั๊บ นังแม่ไข่ปลาก็รีบโทร.หาคนที่ขายคาเวียร์มาให้
พอคุณหนึ่งรับสาย แม่ไข่ปลายิงคำถามทันที "มีลูกแมวตัวเมียมั๊ยเค๊อะ"
(ดวงมันจะเสียเงินอ่ะนะ) "มีสามตัวครับ" แล้วก็เหมือนเดิม นัดแนะกันมาดูตัว ถูกใจ
หิ้วขึ้นรถกลับบ้าน แอบนึกดีใจอยู่ว่า น้องสาวคาเวียร์ตัวนี้มาจากพื้นเพเดียวกันเรย
เป็นเด็กนอก(เมือง)เหมียนกัลลล

และนี่คือโฉมหน้าของน้องแชมเปญ (ฝีมือถ่ายรูปด้วยมือถือของน้าเอ๋อเจ้าเก่า)
























ใต้ตาดำเล็กน้อย (เหมือนแม่ไข่ปลาเลยนิ) ต้องรอสั่งที่เช็ดคราบน้ำตาก่อน
เค้าบอกว่าใช้ทาใต้ตาวันละครั้ง น้ำตาจะไหลน้อยลง คราบน้ำตาก็จะหายไป
ใต้ตาจะขาวใส (ฟังดูดี ใช้กับคนได้มั๊ยนิ)

โกลาหลก็มาเยือนอีกครั้ง เหมือนญาติสนิทที่มาเยี่ยมแบบไม่ได้เชื้อเชิญ
พอเอาแชมเปญเข้าบ้านเท่านั้นแหล่ะ คาเวียร์ก็ออกอาการกริ้วอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากแชมเปญจะเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว เผลอๆคาเวียร์จะเดินมาตบหน้าแชมเปญซะงั้น
น้องเดินเฉียดไปนิด พี่ก็ขู่ "ฝ่อๆ แห่ๆ" แยกเขี้ยวโง้งให้พ่อแม่ขวัญกระเจิงกันเป็นระยะๆ
อาการหงุดหงิดเหมือนวัยทองนี้ ไม่ได้เป็นกับแชมเปญแค่นั้น
พ่อแม่ไข่ปลาก็โดนไปด้วย คาเวียร์หันบั้นท้ายให้ตลอด อุ้มทีไรก็ทำเสียงจึ๊จ๊ะ อิ๊อ๊ะ งี๊ดๆ
ไม่พอใจ แดดิ้นจะลงให้ได้ ปกติที่ยอมให้หวีขนทำสวย ก็ไม่ยอม
ทำท่าจะหันมาแว้งกัดด้วยซ้ำ

วันที่สองเป็นวันที่หนักใจที่สุด พ่อแม่ไข่ปลาต้องช่วยสงบศึกสายเลือดกันทั้งวันทั้งคืน ตอนพานั่งรถไปบ้านตายาย คาเวียร์แยกไปนั่งเข้ามุมตัวเดียวเลย ทำหน้าแบบเบื่อโลก
หน้าตาดูแก่ตั้งแต่อายุ 4 เดือน แต่สงสัยแชมเปญจะเมารถ
นอนแผ่ตั้งแต่สาทรยันลำลูกกา
























คืนนั้น หลังจากที่โดนตบไปหลายฉาด แชมเปญดูท่าจะรู้สถานะของตัวเอง
ว่าเป็นน้องใหม่ ต้องเคารพพี่ใหญ่ เลยไม่ไปแย่งที่นอนชั้นบนของพี่คาเวียร์
นอนอย่างนอบน้อมที่ชั้นสอง
























แต่...แม่ไข่ปลาแอบหันไปเจออยู่หนนึง ตอนที่แชมเปญหันหัวไปทางเดียวกับคาเวียร์
แล้วดันเงยขึ้นไปดูพี่สาว คาเวียร์รอจังหวะอยู่แล้ว เลยตบกบาลน้องไปฉาดเบ่อเริ่ม

ฟังดูขำนะ แต่แม่ไข่ปลาเครียดมาก อยากร้องไห้ น้ำตาซึมไปหลายรอบ
กลัวคาเวียร์จะมีนิสัยเกรี้ยวกราด ไม่น่ารักเหมือนเดิม กลัวคาเวียร์จะน้อยใจ
คิดว่าพ่อแม่จะปันรักให้น้องสาว ซึ่งจริงๆแล้ว ที่เราทำเนี่ย ก็เพื่อคาเวียร์เท่านั้น
กลัวคาเวียร์จะเหงา เวลาที่แม่ไข่ปลาจะต้องไปทำงาน คาเวียร์จะได้มีเพื่อนเล่น
เลยหาน้องสาวมาให้ แต่ดูเหมือนคาเวียร์จะไม่เข้าใจ บึ้งตึงใส่พ่อแม่ตลอด
คืนนั้นเลยนอนไม่หลับ งัด Encyclopedia แมวมาอ่าน หา section ที่เกี่ยวกับการ
เอาแมวใหม่เข้าบ้าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด เพราะเค้าบอกว่า อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ
อาทิตย์นึงหรือมากกว่านั้น เพื่อให้แมวตัวเก่ายอมรับตัวใหม่
เฮ้อ...นานอย่างงั้นเลยเหรอ

เช้าวันรุ่งขึ้น ได้ยินเสียงลูกแมวกรี๊ดๆ สะดุ้งลุกพรวดลงจากเตียง นึกในใจ ตายละหวา
คาเวียร์กินแชมเปญเป็นอาหารเช้าแล้วมั๊งเนี่ย แต่พ่อไข่ปลา พอเห็นแม่ไข่ปลาหน้าตื่น
ก็รีบบอกว่า "มันเล่นกันอยู่" เพียงแต่ว่า คาเวียร์ยังไม่รู้ว่าตัวเองเล่นแรงไป
เห็นแล้วสงสารแชมเปญจับใจ เพราะู้นังพี่ไข่ปลายืนคร่อมน้องแชมเปญ
แล้วงับคอกดเอาไว้กับพื้น ขอสาบานแบบไม่กลัวฟ้าผ่าว่า แม่ไข่ปลาไม่เคยเปิดมวยปล้ำ
ให้คาเวียร์ดู

ตอนนี้ศึกสงบแล้ว ไม่มีการขู่ ไม่มีการงอน คาเวียร์กลับมาออดอ้อนเหมือนเดิม
แล้วก็โชคดีที่แชมเปญเป็นแมวที่สุขภาพจิตดี ไม่มีซึม ขี้เล่นมาก ฉลาดแกมโกงด้วยซ้ำ
พี่คาเวียร์น้องแชมเปญเลยรักกัน ไปไหนไปกัน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
Happy Ending :D



















ตอนนี้ยังไม่สามารถจับภาพตอนพี่น้องคู่นี้เล่นกันได้ เนื่องจากมีความเร็วสูง
เคลื่อนไหวเป็นนินจา เหมือนมีอะไรแว๊บไปแว๊บมาอยู่สองก้อน
เลยขอเอารูปตอนที่แชมเปญเล่นจนหมดสภาพ มานอนสลบอยู่บนเตียงมาให้ดูก่อน
ไว้ถ่ายรูปตอนพี่น้องหยอกกันได้เมื่อไหร่ จะรีบเอามาโพสต์ทันทีจ้าาา

หนีพี่คาเวียร์มาลี้ภัยบนเตียง
























แล้วทำท่าเหมือนจะเล่นกับแม่ไข่ปลา แต่แล้วแชมเปญก็หงายเงิบหมดสติไปซะงั้น
























สงสัยว่าจะติดกอดหมอนข้างด้วยนะเนี่ย
























น้าๆขาาา นู๋แชมเปญน่ารักมั๊ยค๊ะ อยากมาให้ทองรับขวัญนู๋มั๊ยเค๊อะ
(อิอิ แม่ไข่ปลาแอบหยอด เผื่อฟลุ๊ค)

Thursday, June 5, 2008

แมวภูเขา (ภาค 2)

ในขณะที่ลูกๆหลานๆสนุกสนานกับกีฬาไล่จับไข่ปลา
เบิร์ตก็พยายามเป็นเจ้าบ้านที่ดี ชวนพวกผู้ใหญ่เล่นกิจกรรมในร่ม และต้องขอมอบรางวัลชนะเลิศอุปกรณ์รวมให้กับคุณพ่อลูกสามหลานสองคนนี้

เบิร์ตโม้ตั้งแต่ก่อนเราจะไปแล้วว่า ได้โต๊ะพูลมาอย่างหรู ทั้งๆที่กำลังจะย้ายไปออสฯแล้ว
แต่ราคาโต๊ะพูลมือสองนี้มันช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน จนต้องไปซื้อมา แล้วก็ไม่ผิดหวัง
เพราะสามหนุ่มสามมุม(ป้าน) โอป นัย เบิร์ต เล่นกันไม่รู้กี่ร้อยเกม ราเชล(เมียสวยเซ็กซี่
ของเบิร์ต)ก็มาแจมด้วยหนสองหน โดยมีเด็กๆผละจากคาเวียร์มาเชียร์บ้างเป็นครั้งคราว
ส่วนแม่ไข่ปลาขอบาย นั่งเชียร์ Fedex แข่งFrench Open ติดขอบทีวี
























พูดถึงราคาโต๊ะพูลนี้ แม่ะ..มันถูกจริงๆ ไม่ใช่ถูกขนาดพันสองพันหรอกนะ
แต่พอเห็นสภาพของโต๊ะและไม้แล้ว คุ้มมากกกก เราเลยถามเบิร์ตว่าไปได้มาจากไหน
"กรุงเทพ" แถมมีการบ่นตบท้ายว่า "แ-่ง ค่าขนมาปากช่องแพง(เรือ)หาย"

[แหล่งช้อปปิ้งของเบิร์ตนี่น่าสนใจมาก เป็นเว็บไซต์ขายของมือสอง ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของ
เป็นฝรั่งที่มาทำงานอยู่เมืองไทย พอจะย้ายกลับประเทศตัวเอง ก็เอาของมาขึ้นเว็บขาย
ลองไปดูกันนะคะ www.bambiweb.org แล้วไปที่ classified ads]

อุปกรณ์อีกอย่างที่เบิร์ตนำมารับแขกก็คือ Casino Set มาในรูปแบบของกระเป๋าหนังเล๊ย
มีทั้งชิพ (ทำจากเซรามิค)ไพ่สองสำรับ ที่แจกไพ่แบบในคาสิโน ฯลฯ























ที่ขำคือ ทุกอย่างใหม่กิ๊ก ซื้อมาแล้วสามปี ยังไม่เคยมีใครมาเล่นด้วย
ก่อนเริ่มเล่น เราต้องมาช่วยกันแกะพลาสติก แกะกล่องกันก่อน
ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าทริปนี้เราไม่มา เบิร์ตจะขน set นี้กลับไปออสฯมั๊ยเนี่ย

ไปถึงปากช่องแล้วอยู่แต่ในร่ม เดี๋ยวตัวขาวซีด(กว่าเดิม)กลับกรุงเทพ
เลยขอให้เบิร์ตพาเดินเที่ยวชมกิจการบ้างบางส่วน ตอนแรกว่าจะพาคาเวียร์ไปเดินด้วย
อุตส่าห์ซิ้อสายจูงเตรียมไปแล้วนะ แต่บริวารของครอบครัวนี้ตัวยักษ์เหลือเกิน
เลยให้น้องไข่ปลานอนเฝ้าบ้านดีกว่า

เบิร์ตชี้นิ้วอย่างมืออาชีพ
























ดอกกล้วยไม้จากฟาร์มเบิร์ต สวยมากกกก
























นี่แค่ส่วนหนึ่งของฟาร์มเท่านั้น








บริวารยักษ์บางตน เอ้ย ตัวของเบิร์ต























พอกลับจากทัวร์ พ่อไข่ปลารีบแจ้นไปปลอบลูกทันที แต่กลิ่นน้องหมาติดเต็มตัว หุหุ






















พูดถึงพ่อไข่ปลา ทริปนี้ไม่ค่อยได้แสดงฝีมือเท่าไหร่ เพราะราเชลเองก็ชอบทำอาหาร
และเบิร์ตก็อยากให้โอปได้พักจริงๆ แต่เมนูที่ทุกคนเรียกร้อง โดยเฉพาะแม่ไข่ปลาก็คือ
มันบด ใครได้ชิม เป็นต้องเ่อ่ยปากชม เพราะเครื่องถึงจริงๆ นมเป็นนม เนยเป็นเนย
ราเชลหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องจำสูตรให้ได้ เห็นราเชลจ้องโอปทำอาหารแล้วอดนึกถึง
คุณแม่ลูกสามไม่ได้ เหมือนกันจริงจริ๊ง อิอิ (ขอพาดพิงเล็กน้อยนะคะคุณแม่)















ขอตบท้ายบล๊อกนี้ด้วยรูปงามๆหลายๆอิริยาบถของลูกสาว
























และครอบครัวของเบิร์ตที่เหมาะเหม๋งกับครอบครัวเหวียง
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ลำดับและจำนวนของลูกชายและลูกสาว
























อ้อ..ขออีกนิด ไม่แฉเรื่องลูกสาวตัวเองแล้วนอนไม่หลับ
นี่คือสภาพของน้องไข่ปลาไฮโซเมื่อตอนถึงกรุงเทพ ไปนั่งพักกันที่บ้านนัย
(ท้ายสุดก็ติดลมยันตี 1) หลังกินข้าวเสร็จ คาเวียร์ก็หลับแบบตายังเปิดอยู่
เอามือไปโบกข้างหน้าก็ไม่มีกระดิก ไม่มีเปลี่ยนท่าเป็นชั่วโมงๆ
พ่อแม่ไข่ปลาต้องไปเช็คอยู่เป็นระยะๆว่ายังหายใจอยู่รึเปล่า
ออกต่างจังหวัดครั้งแรก กลับมากลายเป็นไข่ปลาหมดสภาพเลยลูกฉั๊น

Wednesday, June 4, 2008

แมวภูเขา

ตั้งชื่อเรียกร้องความสนใจไปเท่านั้นแหล่ะ
แต่จริงๆก็แค่พาน้องไข่ปลาไปเที่ยวเขาใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จะว่าไปแล้ว ไม่ได้ขึ้นเขาใหญ่ด้วยซ้ำ ไปอยู่แค่ปากช่องเอง

เบิร์ต เพื่อนแม่ไข่ปลาสมัยอยู่ี่เซ็นต์จอห์น ที่ทำฟาร์มกล้วยไม้อยู่ปากช่อง
เชื้อเชิญมาว่า มีแนวโน้มที่เค้าและครอบครัว (เมียออสซี่หนึ่งลูกครึ่งอีกสาม)
จะย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เพราะฉะนั้น ให้รีบมาเที่ยวด่วน ตอนแรกมีท่าทีว่า
จะมีสมาชิกไปกันเยอะ แต่ยิ่งใกล้วันออกเดินทาง สมาชิกก็ค่อยๆหดเหือดหายไปหมด
แม่ไข่ปลาก็เปื่อยเสียงแหบแห้ง ทั้งคัดทั้งแสบจมูก จะยกเลิกอีกคนก็เกรงใจ
แล้วก็อยากจะไปเยี่ยมเพื่อนด้วย เอาฟะ ไปก็ไป สรุปว่า สมาชิกประกอบด้วย
สามคน (พ่อ-แม่ไข่ปลา และเพื่อนซี้ที่ซ.จ.) กับอีกหนึ่งตัว (น้องไข่ปลาไฮโซ)

เราออกเดินทางกันเย็นวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. โดยที่พ่อกับแม่ไข่ปลาเอารถไปจอดไว้
ที่บ้านเพื่อนแถวรามอินทรา เพื่อจะนั่งแอคคอร์ดใหม่ (อิอิ แผนสูงมะ)
ล้อหมุนจริงๆก็ตอนประมาณทุ่มครึ่ง อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ฝนตกพรำๆ
ขับรถเร็วไม่ได้ เลยกะว่าคงต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะไปถึง
ปรากฏว่า ไม่ใช่แค่สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เพราะพอถึงทับกวาง (แก่งคอย)
รถก็หยุด ติดกันเป็นแพซะงั้น มีสภาพเหมือนลานจอดรถมิมีผิดเพี้ยน แบบนี้
























ขอบอกว่าเป็นชั่วโมงครับ ทั้งคนขับทั้งผู้โดยสารผลัดกันออกมาก่อม๊อบ (อินเทรนด์ซักนิด)
คาเวียร์น่ะเหรอ จากที่ชอบงีบบนรถเป็นชีวิตจิตใจ ยังเริ่มอยู่ไม่สุข แต่ทำอะไรไม่ได้
แล้วก็ต้องกลับไปหลับเหมือนเดิม
























เพื่อนก็โทร.ตามตลอด เราเลยบอกให้ลองหาข้อมูลดูว่าเป็นเพราะอะไร
เค้าเลิกใช้ถนนเส้นนี้กระทันหันรึไง (อารมณ์นี้หาเรื่องวีนสุดชีวิต)
ท้ายที่สุดเพื่อนโทร.มาบอกว่า ป้าย "ทรงพระเจริญ" โดนพายุหล่นมาขวางถนน
อีกซักพักก็จะเคลียร์ได้แล้ว พักเท่าไหร่ไม่รู้แหล่ะ แต่ที่แน่ๆ
รถเลี้ยวเข้าฟาร์มกล้วยไม้ตอนเที่ยงคืน หิวโซหมดสภาพทั้งคนทั้งแมว
แต่ก็นั่งกินนั่งเม้าท์กันจนถึงตีสามกว่าจะแยกย้ายกันไปนอน

ทริปนี้ไม่มีหวังที่จะได้นอนตื่นสาย เพราะเด็กๆรู้ว่าคาเวียร์มาเยี่ยม
เด็กตื่นเมื่อไหร่ ก็จะมาเคาะห้อง (ถ้าไม่ตื่นก็เคาะใหม่) จะให้คาเวียร์ออกไปเล่นด้วย
วันเสาร์คงเป็นวันที่คาเวียร์หมดสภาพที่สุด เพราะไหนจะเหนื่อยจากการเดินทาง
มาเจอเด็กๆรุม(ซะ)โทรม (ศัพท์อาจจะไม่เหมาะสม แต่ความหมายเพ๊ะ) เกือบทั้งวัน
ไม่ว่าคาเวียร์จะพยายามไปหลบอยู่ที่ไหน จะมีลูกเบิร์ต 3 คน บวกหลานเบิร์ตอีก 2 คน
ตามกันเป็นพรวน ผลัดกันอุ้มอย่างเมามันส์ แต่คาเวียร์ก็น่ารักมากกก ไม่มีแว๊ดใส่เด็กๆเลย












































คาเวียร์จะมีเวลาพัก(ฟื้น)บ้างครั้งคราวเวลาที่เด็กๆตัดสินใจไปทำกิจกรรมอื่น
ชาร์ล็อตเลือกมาเล่นของเล่น ออสตินไปช่วยน้าโอปทำกับข้าว โจน่าห์เล่นเกมกับน้าวินัย
























ส่วนคาเวียร์ ไปนั่งเอวคอดท้าทายพี่เบิ้มข้างนอกแบบสบายใจเฉิบ



















หุหุ แต่จะย่องไปเฉพาะเวลาที่เค้าหลับกันไปหมดแล้วเท่านั้นนะค๊ะ
เจอกันจังๆเดี๋ยวพวกพี่พังประตูเข้ามา แล้วน้องไข่ปลาจะไปทำเค้าสำลักติดคอเดี้ยงกันหมด

แม่ะ..ตอนแรกว่าจะเล่าให้หมดทั้งทริป แต่แม่ไข่ปลาหมดแรงซะก่อน
ขอต่อภาคสองภายในวันสองวันนี้ก็แล้วกันเน๊อะ