Wednesday, June 11, 2008

โกลาหลซีรีส์

เฮ้ออออ ไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนก่อนดี เพราะดองไว้เยอะ
แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนชื่อเรื่องซะเหลือเกิน
โกลาหลซะจนทำเอาแม่ไข่ปลาทั้งปวดกบาล เศร้า เครียด
แต่ก็ตบท้ายด้วยการหัวเราะ (เพราะ happy ending นะจ๊ะ ไม่ใช่เป็นบ้า)
เอาเป็นว่าขอเคาะดินออกจากหางทีละเปราะก็แล้วกัน

กลับจากปากช่อง แม่ไข่ปลาก็ขะมักขะเม้นและขะมั่วปลูกต้นข้าวสาลี
พี่ปิ๊กทาสแมวใจดีที่ส่งเมล็ดข้าวมาให้ คงสามารถสัมผัสได้ถึงสติปัญญาของแม่ไข่ปลา
เลยส่งวิธีปลูกมาให้ด้วย เป็นข้อๆละเอียดยิบ แม่ไข่ปลาซึ่งขึ้นชื่อว่ามีมือที่ร้อนฉ่า
ปลูกอะไรก็เหี่ยวตายเป็นเบือ เหมือนโรคระบาดยังไงอย่างงั้น ก็เลยตื่นเต้นมาก
อ่านวิธีทำทั้งก่อน ระหว่าง และหลังทำทุกขั้นตอน เหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
ขาดความมั่นใจในตัวเองเป็นที่สุด จนกระดาษวิธีทำเปื่อยเหี่ยว เหมือนผ่านมาหลายมือ
"เอ๊ะ เค้าให้แช่เมล็ดกี่ชั่วโมงนะ" "เอ๊ะ เราแช่ไปนานแค่ไหนแล้วนะ"
"เอ๊ะ ต้องปิดกระดาษไว้นานแค่ไหนนะ" "เอ๊ะ ต้องฉีดน้ำกี่หนนะ" และอีกหลายๆเอ๊ะ
จนในที่สุด ก็ได้ต้นข้าวสาลีี่อ่อนเขียวขจีมาให้แม่ไข่ปลาเชยชม
























แล้วมันโกลาหลตรงไหน ก็ตรงที่ว่า "เอ๊ะ อะไรขาวๆหว่า" "โอ้แม่เจ้า ราเว้ย"
มาได้ไงเนี่ย โดนแดดโดนลมขนาดนี้ รานี่มันดื้อด้านจริงๆ ร้อนรนไปถามพี่ปิ๊ก แต่ก็ได้คำตอบคล้ายๆกับตอนที่คาเวียร์เป็นเชื้อราที่หมอบอกว่า
"มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และมันมีได้หลายสาเหตุ" ไม่เป็นไรวุ้ย
อย่างน้อยก็ปลูกขึ้นล่ะฟะ แต่แทนที่จะสามารถยกไปทั้งกระถางให้คาเวียร์ได้เล็ม
ก็คงต้องใช้วิธีตัดไปผสมอาหารแทน อ่ะ..โกลาหลที่หนึ่งนี่ยังเบาะๆ
มาติดตามเรื่องที่สองกันดีกว่า

ตามที่ได้หมายมั่นปั้นมือไว้ว่า แม่ไข่ปลาอยากหาน้องแมวสาวมาเป็นเพื่อนคาเวียร์
พ่อแม่ไข่ปลาก็รอให้แมวของรุ่นน้องเค้าโตพอที่จะแยกเพศได้อย่างใจจดจ่อ
และแล้วก็ถึงวันนี้ที่รอคอย (ลิเกและเก่าดีมะ) น้องปลาแอร์ฯสาวโทร.มาบอกว่า
พาแมวไปให้หมอดูเพศแล้ว ผู้สองเมียสอง "พี่มาเลือกไปได้เลย"

วันเสาร์ที่แล้ว หลังจากที่ไปทำธุระกันเสร็จ พ่อแม่ไข่ปลาก็ดิ่งไปบ้านน้องปลา
ตื่นเต้นกันมาก แล้วก็ได้น้องเหมียวหน้าตาดีมา 1 ตัว แต่น้องเหมียวตัวนี้มีหมัด
กลัวจะเอาไปติดคาเวียร์ เราเลยรีบดิ่งจากวิภาวดีไปหาหมอต้อมเจ้าเก่าแถวสาทร
ก่อนจะหยอดยาไล่หมัด ด้วยความละเอียดของหมอต้อม หมอก็ยกหางขึ้นมาดู
แล้วทำหน้าสงสัย นังแม่ไข่ปลายังไม่รู้ชะตากรรม คุยเล่นกับพ่อไข่ปลา
แหม..ก็ได้ลูกสาวมาใหม่นิ ซักแป๊บหมอต้อมก็พูดเสียงแบบรักษาน้ำใจพ่อแม่ดวงจู๋ว่า
"หมอว่า...เค้าเป็นตัวผู้นะ" (เราอ้าปากค้าง ตาค้าง ไร้เสียงตอบโต้)
หมอคงยังไม่สาแก่ใจ เพราะมีการพูดเหมือนท้าทายว่า
"นี่ไง มาลองคลำดูสิ มีไข่ 2 ลูก" ตอนนั้นกำลังช๊อค ใครพูดอะไรก็ทำตาม
นังแม่ไข่ปลาก็เอื้อมมือไปจับ แล้วหันไปบอกพ่อไข่ปลาแบบหน้าเจื่อนๆ
"2 ลูกจริงๆด้วยฮันนี้" เลยรีบโทร.ไปบอกเจ้าของแมว แถมคอนเฟิร์มไปด้วยว่า
"พี่ได้จับไข่มันแล้วด้วย"

[อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ คลีนิกนังหมอผู้หญิงคนที่น้องปลาพาลูกแมว
ไปแยกเพศเนี่ย มันอยู่ที่ไหนฟะ อยากไปเผาให้วอดจริงจริ๊ง]

ตอนแรกแม่ไข่ปลาก็เกือบใจอ่อน ตัวผู้ก็ได้ (เสียงอ่อย) ทำหมันเอา
แต่พอหมอบอกว่า ถึงแม้ทำหมันแล้ว แต่นิสัยตัวผู้ที่ยังชอบฉิ๊งฉ่องนอกกระบะทราย
ก็ยังไม่หมดไปหรอกนะ พ่อไข่ปลาก็ปฏิเสธแบบหัว(และพุง)ชนฝา เพราะกลัวว่า
คอนโดหรู 67 ตร.ม. จะอวลไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เราเลยจำใจต้องเอา
น้องแมว(ที่เกือบจะมาเป็นสามีน้องไข่ปลา)ไปคืนเจ้าของ และนี่คือรูปของน้องแมว
ที่ทำให้แม่ไข่ปลาเกือบเสียน้ำตาเพราะความเสียดาย อุ้มแป๊บเดียวก็หลงรักไปแล้ว
























แต่..เราก็ยังมีความหวังว่า ไปเอาตัวเมียอีกตัวมาแทนก็ได้ เราไม่เลือกแล้ว
ขอให้ได้น้องสาวมาเป็นเพื่อนเล่นกับคาเวียร์ก็พอใจแล้ว พอไปถึงบ้านน้องปลา
เพื่อความชัวร์ ก่อนจะผิดหวังซ้ำซ้อน เลยเอาน้องแมวอีกตัว (ที่เค้าบอกว่าเป็นตัวเมีย)
มาดูระยะห่างของสองรู (วิตถารอีกแล้วผัวเมียคู่นี้) "เวร..ทำไมเหมือนตัวตะกี๊เลย"
(ไหนลองคลำดูซิ) "ชัวร์" แม่ไข่ปลาหันไปมองพ่อไข่ปลา "มีไข่สองใบอีกแล้ว"
สรุป.. กินแห้วกันพุงกาง ดวงมันจะไม่ได้ของฟรี ใครจะไปคิด ลูกแมวออกมาสี่ตัว
มีไข่ทั้งหมดแปดใบ และที่สำคัญ นังแม่ไข่ปลาคลำมาหมดแล้น

ยั๊งงงง...ยังไม่หมดความตั้งใจ ก็คาเวียร์อายุ 4 เดือนกว่าแล้ว
เท่าที่ศึกษามา เค้าบอกว่า ไม่ควรจะให้อายุแมวต่างกันมาก ประเดี๋ยวจะเข้ากันลำบาก
ออกจากบ้านรุ่นน้องปั๊บ นังแม่ไข่ปลาก็รีบโทร.หาคนที่ขายคาเวียร์มาให้
พอคุณหนึ่งรับสาย แม่ไข่ปลายิงคำถามทันที "มีลูกแมวตัวเมียมั๊ยเค๊อะ"
(ดวงมันจะเสียเงินอ่ะนะ) "มีสามตัวครับ" แล้วก็เหมือนเดิม นัดแนะกันมาดูตัว ถูกใจ
หิ้วขึ้นรถกลับบ้าน แอบนึกดีใจอยู่ว่า น้องสาวคาเวียร์ตัวนี้มาจากพื้นเพเดียวกันเรย
เป็นเด็กนอก(เมือง)เหมียนกัลลล

และนี่คือโฉมหน้าของน้องแชมเปญ (ฝีมือถ่ายรูปด้วยมือถือของน้าเอ๋อเจ้าเก่า)
























ใต้ตาดำเล็กน้อย (เหมือนแม่ไข่ปลาเลยนิ) ต้องรอสั่งที่เช็ดคราบน้ำตาก่อน
เค้าบอกว่าใช้ทาใต้ตาวันละครั้ง น้ำตาจะไหลน้อยลง คราบน้ำตาก็จะหายไป
ใต้ตาจะขาวใส (ฟังดูดี ใช้กับคนได้มั๊ยนิ)

โกลาหลก็มาเยือนอีกครั้ง เหมือนญาติสนิทที่มาเยี่ยมแบบไม่ได้เชื้อเชิญ
พอเอาแชมเปญเข้าบ้านเท่านั้นแหล่ะ คาเวียร์ก็ออกอาการกริ้วอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากแชมเปญจะเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว เผลอๆคาเวียร์จะเดินมาตบหน้าแชมเปญซะงั้น
น้องเดินเฉียดไปนิด พี่ก็ขู่ "ฝ่อๆ แห่ๆ" แยกเขี้ยวโง้งให้พ่อแม่ขวัญกระเจิงกันเป็นระยะๆ
อาการหงุดหงิดเหมือนวัยทองนี้ ไม่ได้เป็นกับแชมเปญแค่นั้น
พ่อแม่ไข่ปลาก็โดนไปด้วย คาเวียร์หันบั้นท้ายให้ตลอด อุ้มทีไรก็ทำเสียงจึ๊จ๊ะ อิ๊อ๊ะ งี๊ดๆ
ไม่พอใจ แดดิ้นจะลงให้ได้ ปกติที่ยอมให้หวีขนทำสวย ก็ไม่ยอม
ทำท่าจะหันมาแว้งกัดด้วยซ้ำ

วันที่สองเป็นวันที่หนักใจที่สุด พ่อแม่ไข่ปลาต้องช่วยสงบศึกสายเลือดกันทั้งวันทั้งคืน ตอนพานั่งรถไปบ้านตายาย คาเวียร์แยกไปนั่งเข้ามุมตัวเดียวเลย ทำหน้าแบบเบื่อโลก
หน้าตาดูแก่ตั้งแต่อายุ 4 เดือน แต่สงสัยแชมเปญจะเมารถ
นอนแผ่ตั้งแต่สาทรยันลำลูกกา
























คืนนั้น หลังจากที่โดนตบไปหลายฉาด แชมเปญดูท่าจะรู้สถานะของตัวเอง
ว่าเป็นน้องใหม่ ต้องเคารพพี่ใหญ่ เลยไม่ไปแย่งที่นอนชั้นบนของพี่คาเวียร์
นอนอย่างนอบน้อมที่ชั้นสอง
























แต่...แม่ไข่ปลาแอบหันไปเจออยู่หนนึง ตอนที่แชมเปญหันหัวไปทางเดียวกับคาเวียร์
แล้วดันเงยขึ้นไปดูพี่สาว คาเวียร์รอจังหวะอยู่แล้ว เลยตบกบาลน้องไปฉาดเบ่อเริ่ม

ฟังดูขำนะ แต่แม่ไข่ปลาเครียดมาก อยากร้องไห้ น้ำตาซึมไปหลายรอบ
กลัวคาเวียร์จะมีนิสัยเกรี้ยวกราด ไม่น่ารักเหมือนเดิม กลัวคาเวียร์จะน้อยใจ
คิดว่าพ่อแม่จะปันรักให้น้องสาว ซึ่งจริงๆแล้ว ที่เราทำเนี่ย ก็เพื่อคาเวียร์เท่านั้น
กลัวคาเวียร์จะเหงา เวลาที่แม่ไข่ปลาจะต้องไปทำงาน คาเวียร์จะได้มีเพื่อนเล่น
เลยหาน้องสาวมาให้ แต่ดูเหมือนคาเวียร์จะไม่เข้าใจ บึ้งตึงใส่พ่อแม่ตลอด
คืนนั้นเลยนอนไม่หลับ งัด Encyclopedia แมวมาอ่าน หา section ที่เกี่ยวกับการ
เอาแมวใหม่เข้าบ้าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด เพราะเค้าบอกว่า อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ
อาทิตย์นึงหรือมากกว่านั้น เพื่อให้แมวตัวเก่ายอมรับตัวใหม่
เฮ้อ...นานอย่างงั้นเลยเหรอ

เช้าวันรุ่งขึ้น ได้ยินเสียงลูกแมวกรี๊ดๆ สะดุ้งลุกพรวดลงจากเตียง นึกในใจ ตายละหวา
คาเวียร์กินแชมเปญเป็นอาหารเช้าแล้วมั๊งเนี่ย แต่พ่อไข่ปลา พอเห็นแม่ไข่ปลาหน้าตื่น
ก็รีบบอกว่า "มันเล่นกันอยู่" เพียงแต่ว่า คาเวียร์ยังไม่รู้ว่าตัวเองเล่นแรงไป
เห็นแล้วสงสารแชมเปญจับใจ เพราะู้นังพี่ไข่ปลายืนคร่อมน้องแชมเปญ
แล้วงับคอกดเอาไว้กับพื้น ขอสาบานแบบไม่กลัวฟ้าผ่าว่า แม่ไข่ปลาไม่เคยเปิดมวยปล้ำ
ให้คาเวียร์ดู

ตอนนี้ศึกสงบแล้ว ไม่มีการขู่ ไม่มีการงอน คาเวียร์กลับมาออดอ้อนเหมือนเดิม
แล้วก็โชคดีที่แชมเปญเป็นแมวที่สุขภาพจิตดี ไม่มีซึม ขี้เล่นมาก ฉลาดแกมโกงด้วยซ้ำ
พี่คาเวียร์น้องแชมเปญเลยรักกัน ไปไหนไปกัน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
Happy Ending :D



















ตอนนี้ยังไม่สามารถจับภาพตอนพี่น้องคู่นี้เล่นกันได้ เนื่องจากมีความเร็วสูง
เคลื่อนไหวเป็นนินจา เหมือนมีอะไรแว๊บไปแว๊บมาอยู่สองก้อน
เลยขอเอารูปตอนที่แชมเปญเล่นจนหมดสภาพ มานอนสลบอยู่บนเตียงมาให้ดูก่อน
ไว้ถ่ายรูปตอนพี่น้องหยอกกันได้เมื่อไหร่ จะรีบเอามาโพสต์ทันทีจ้าาา

หนีพี่คาเวียร์มาลี้ภัยบนเตียง
























แล้วทำท่าเหมือนจะเล่นกับแม่ไข่ปลา แต่แล้วแชมเปญก็หงายเงิบหมดสติไปซะงั้น
























สงสัยว่าจะติดกอดหมอนข้างด้วยนะเนี่ย
























น้าๆขาาา นู๋แชมเปญน่ารักมั๊ยค๊ะ อยากมาให้ทองรับขวัญนู๋มั๊ยเค๊อะ
(อิอิ แม่ไข่ปลาแอบหยอด เผื่อฟลุ๊ค)

2 comments:

แม่ลูกสาม said...

ลงทุนจริงๆ ดีใจด้วยนะจ๊ะที่ความพยายามเรื่องข้าวสาลีสัมฤทธิ์ผล

แหม... แชมเปญกับคาเวียร์ เข้ากั๊น เข้ากัน ไฮโซมากๆ ตระกูลนี้ ดีใจที่พี่น้องรักกันแล้ว แต่แม่ไข่ปลาบรรยายท่าตบคาเวียร์ได้ "market" มาก อ่านแล้วไม่เชื่อว่าหลานคาเวียร์เป็นยังงั้น อิอิ

ท่าหน้าคาเวียร์หน้าตรูดนี่น่ารักมาก ชอบ หน้าตาหยิ่งยโสเหลือเกิน กร๊าก...

Caviar's Mama said...

จากที่เป็นนางเอกหวานแหว๋ว เวลาคาเวียร์อารมณ์บูดนี่นางร้ายช่องเจ็ดสียังอาย
บางทีเหมือนกับ(คิดไปเอง)ว่า เห็นคาเวียร์มองแชมเปญหัวจรดเท้า ประมาณว่า
"หล่อนเป็นใครยะ ถือดียังไงมาเทียบรุ่นกับฉั๊น ต่ำ!"
อิอิ สงสัยแม่ไข่ปลาต้องกลับไปทำงานด่วน ฟุ้งซ่านแปลสายตาคาเวียร์ได้ขนาดนี้ น่าเป็นห่วงตัวเองจริงๆ

นี่ตอนแรกโอปจะเปลี่ยนชื่อพี่น้องคู่นี้ว่า นังไข่แดงกับ นังไข่ขาว จากอาหารจานหรู เกือบจะต้องกลายเป็นอาหารบ้านๆ
หาได้ตามตลาดสดซะแล้ว