Wednesday, May 21, 2008

ชายหรือหญิง

อ๊ะๆ อย่างเพิ่งด่วนสรุปจากชื่อเรื่องว่าน้องไข่ปลาจะมีพฤติกรรมสับสนทางเพศแต่อย่างใด เพราะแค่สับสนทางสายพันธุ์ก็เป็นที่โจษขานกันพอแล้ว นี่ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ค. พาคาเวียร์ไปออกงานวันเกิดของเพื่อน แขกที่งานทุกคนก็ชมน้องไข่ปลาว่า น่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ ไอ้เราก็หน้าบาน(กว่าเดิม) คาเวียร์ก็เหมือนบ้ายอ ยิ่งมีคนชม ก็ยิ่งวิ่งรอบห้อง โชว์พาวว์สุดชีวิต และแล้วก็ถึงคราวเปิดเผยสายพันธุ์ที่แท้จริง ของคาเวียร์ต่อหน้าสาธารณชนที่งานเลี้ยง เมื่อมีน้องคนนึงพยายามจะมาสอน พร้อมสาธิตแม่ไข่ปลาให้ดูว่า แมว(ปกติทั่วไป)เค้าชอบเล่นอะไรยังไงกัน
"พี่ต่อ พี่ต้องไปเอากระดาษทิชชู่มานะ ทำให้หมาดน้ำหน่อยๆ แล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ อย่าใหญ่มาก แต่ก็อย่าเล็กเกินไป แล้วกลิ้งให้เค้าเล่น เพราะแมวเนี่ย จะชอบใช้สองเท้าหน้าเขี่ยก้อนทิชชู่ไปมา" ว่าแล้วน้องเค้าก็ดีมอนสเทรตให้เห็นกับตา เริ่มแรกไปได้งามเลยทีเดียว คาเวียร์ใช้สองแขน เอ้ย สองขาหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว โดยมีน้องคนนี้กลิ้งก้อนทิชชู่โต้ตอบ เผลอแป๊บเดียว น้องเค้าร้องขึ้นมาว่า "เฮ๊ยยย" ทุกคนรวมทั้งพ่อและแม่ไข่ปลาก็หันไปมอง คาเวียร์ค่ะ หรือนังน้องไข่ปลานี่แหล่ะ คาบก้อนทิชชู่หน้าตั้งวิ่งหนีไปซะงั้น น้องเค้าก็มองตามแล้วบอกว่า "ผมไม่เคยเห็นแมวคาบของวิ่งหนีอ่ะ เหมือนหมาเลย" แม่ะ ... พ่อแม่ไข่ปลาได้แต่อมยิ้มอย่างภูมิใจ

เหมือนหมาเหมือนแมวนี่มันยังดูได้ง่ายเน๊อะ แต่ชายหรือหญิง เพศที่แท้จริงของคนยังดูยากเล๊ย นับประสาอะไรกับเพศแมว (แ่ห่ะๆ เอาไปโยงกันง่ายๆซะงั้น)

เนื่องจากแม่ไข่ปลาจะต้องกลับไปทำงานรับใช้มหาวิทยาลัยในเร็ววันนี้ และรู้แล้วว่าตารางการทำงานนั้นค่อนข้างจะเอี้ยดมากๆ เลยอยากจะหาน้องสาวแมวเหมียวมาเป็นเพื่อนเล่นกับคาเวียร์ ตอนแรกว่าจะไปซื้อมา
โทร.นัดเจ้าของไว้แล้วด้วย ตัวสีเทา น่าร๊ากกกก แต่หนึ่งวันก่อนจะไปซื้อ มีรุ่นน้องคนนึงโทร.มาบอกว่าแมวเปอร์เซียที่บ้านออกลูกมา 4 ตัว จะให้ 1 ตัว เราเลยบอกว่าอยากได้ตัวเมียนะ น้องเค้าก็บอกว่า ตอนนี้ยังดูเพศไม่ออก สีอะไรก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ไอ้เราก็นึกว่า น้องคนนี้อ่อนหัดจริงๆ มันจะไปยากอะไร๊ แต่ไม่เป็นไร เราไม่รีบอยู่แล้ว รอให้ลูกแมวกินนมแม่ไปซักเดือนนึงก่อน แล้วค่อยมาเลือก ก่อนครบเดือน น้องเค้าโทร.มาอีก อยากให้เรามาเลือกไว้ว่าจะรับตัวไหนไปเลี้ยง แต่เค้าก็ยังดูเพศไม่ออกเหมือนเดิม เพื่อความชัวร์ เราเลยโทร.ไปปรึกษาหมอต้อมเจ้าเก่า หมอคอนเฟิร์มว่า การดูเพศของลูกแมวนั้นค่อนข้างยากมาก แต่หมอให้ข้อสังเกตว่า "ถ้ารูฉิ้งฉ่องกับรูอึ๊มันอยู่ติดๆกัน ก็เป็นตัวเมีย ถ้ามีระยะห่างระหว่างสองรูนี้ ก็เป็นตัวผู้"

ฟังดูไม่น่ายากนิ พ่อแม่ไข่ปลาเลยพกความมั่นใจไปเต็มกระเป๋า เราใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง กับการแหวกขาหลังของลูกแมวทั้งสี่ตัว ตัวละล้านรอบได้มั๊ง น้องเจ้าของแมวอดขำไม่ได้ แถมวิจารณ์ประมาณว่า "ผัวเมียคู่นี้ดูโรคจิต(วิตถาร)จัง" หึหึ แต่ท้ายที่สุด สองผัวเมียนี้ก็ต้องถอยทัพกลับบ้าน มาโดยที่ไม่รู้เพศแมวซักกะตัว แถมกลับมาบ้าน ยังมาแหวกดูของคาเวียร์อีก มันเจ็บใจว่าทำไมมันดูไม่ออกอ่ะ แต่เราก็ยังไม่ละความพยายาม อาทิตย์ต่อมาพ่อแม่ไข่ปลาอาสาพาลูกแมวไปคลีนิกสัตว์ แถวบ้านเจ้าของแมว ไม่อยากจะบอก หมอนะ ทั้งแหวกขา ทั้งลูบ ทั้งคลำ ทั้งบีบ (ติดเรทเล็กน้อย ผู้ปกครองควรพิจารณา) ท้ายสุด หมอบอกว่า "มันดูยากจริงๆนะเนี่ย หมอก็ยังไม่อยากฟันธง สิ้นเดือนพามาให้ดูอีกทีก็แล้วกัน" เหอ เหอ ขนาดหมอยังถอยเลย นับประสาอะไรกับพ่อแม่ไข่ปลามือใหม่หัดเลี้ยงแมวอย่างเรา

มีรูปมาฝากด้วยนะ อิอิ อย่าเพิ่งต๊กกะใจกัน ไม่ได้ไปถ่ายรูปอวัยเพศแมวมาหรอกค่ะ แม่ไข่ปลาเคยไปปรึกษาพี่ใจดีคนนึงเกี่ยวกับเมล็ดข้าวสาลีที่จะเอามาปลูกให้คาเวียร์กิน (พี่คนนี้ส่งเมล็ดข้าวมาให้ทดลองปลูกฟรีๆเลย)และพี่ใจดีคนนี้ก็ได้ส่งรูปการดูเพศแมวมาให้ดูด้วย ถือซะว่า เป็นเพศ(แมว)ศึกษาก็แล้วกันนะคะ


















เดี๋ยวเจ้าป้าจะเคือง หาว่าไม่มีรูปน้องไข่ปลามาให้ชมเชย เอาเป็นแบบรวมมิตรเลยละกัน




















อ้อ...พี่ใจดีคนที่ต่อปรึกษาเรื่องเมล็ดข้าวสาลีเค้าฝากประชาสัมพันธ์มาว่า ถ้าใครอยากได้แมวไปเลี้ยงที่บ้านแบบฟรีๆ จะมีโครงการที่ช่วยหาบ้านให้น้องแมวเหมียว
ที่สวนจตุจักรประมาณวันที่ 30 พ.ค.นี้ มีแมวหลายเพศ หลายพันธุ์และหลายวัย มาให้เลือกเพียบ ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อกลับมาได้เลยนะึคะ

Friday, May 9, 2008

น้องไข่ปลา หมาหรือแมว?

วันนี้ไปเจอป้าเป้มา นั่งคุยถึงคนนู้นคนนี้เป็นชั่วโมง (เอ..มันเหมือนนินทารึเปล่าน้อ)
ตั้งใจจะไปขอยืมตำรามาเตรียมการสอนแท้ๆ เม้าท์ซะเกือบลืม ต้องกลับบ้านมา
มือเปล่าซะแล้น ก็นะ คุยไปกินไป เพลินซะไม่มี

ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องลูกๆหลานๆ คนนั้นน่ารักอย่างนั้น คนนี้น่ารักอย่างนู้น
พอป้าเป้ถามถึงคาเวียร์ แม่ไข่ปลาเลยได้โอกาสโอ้อวดสรรพคุณซะเป็นขบวน
เลยถือโอกาสมาเล่าซ้ำออกสู่สาธารณชนอีกครั้ง

สรรพคุณอันโดดเด่นของน้องไข่ปลาไฮโซก็คือ คุณเธอมีนิสัยใจคอหลายๆอย่าง
เหมือนน้องหมา ซึ่งต้นเหตุก็มาจากแม่ไข่ปลานี่เแหล่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จนกระทั่งเพื่อนมาที่บ้าน แล้วพยายามจะเรียกคาเวียร์ โดยใช้เสียง เมี๊ยวๆ
เรียกเท่าไหร่เจ้าหล่อนก็ไม่สนใจ ตาไม่มอง หูไม่กระดิก เพื่อนเลยถามว่า
มันหูหนวกรึเปล่า ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เราไม่เคยใช้เสียงเมี๊ยวเรียกคาเวียร์เลย
ทุกครั้งจะทำเสียงจุ๊ๆกับผิวปาก จนถึงทุกวันนี้ คาเวียร์ก็ยังไม่รู้จักเสียงเมี๊ยวๆ
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันก่อนมีเสียงแมวกัดกันดังมากกกก ไอ้เราก็หันไปดูคาเวียร์ อยากเห็นว่าจะมีอาการอะไรยังไงมั๊ย แต่ปรากฏว่าเฉยค่ะ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น

นิสัยอีกอย่างที่แม่ไข่ปลาสังเกตคือ คาเวียร์หูดีมาก เวลาได้ยินเสียงว่าโอปกำลังจะเดิน
มาเปิดประตูเข้าบ้าน จะทำหูตั้ง ตาตื่น เราก็เลยส่งเสริมโดยการทำเสียงตื่นเต้นว่า
"ใครมาอ่ะ ใครมา" เจ้าหล่อนก็จะวิ่งหน้าตั้งไปรอรับโอปทันที แต่จะไปแค่นั่งรอ
ให้อุ้มเท่านั้นนะ ไม่มีการกระโดดโลดเต้นมาเกาะขาเหมือนหมา ถ้าทำได้คงเริ่ดน่าดู

นอกจากนี้ แม่กับลูกไข่ปลาจะชอบวิ่งไล่จับกันบ่อยๆ ตอนนั้นโทร.คุยกับพี่คนนึง
ที่ดูแลชมรมคนนิยมแมว ก็เล่าให้แกฟัง แกก็บอกว่า แมวชอบให้วิ่งไล่ เราก็บอกว่า
ของเรามีผลัดกันด้วยนะ ผลัดกันวิ่งไล่ พี่เค้าก็อึ้งๆ แล้วบอกว่า "ปกติแมวไม่ค่อย
วิ่งไล่คนหรอก พี่ว่า เหมือนหมาเลยค่ะ" ภูมิใจจังเลยวุ้ย เลี้ยงแมวเป็นหมาได้

ช่วงที่โม้เรื่องคาเวียร์ ป้าเป้ถามว่า คาเวียร์ทำธุระหนักเบาที่ไหน ยังไง
เป็นที่เป็นทางรึเปล่า อย่างที่เคยเล่าว่า ตอนที่คาเวียร์มาอยู่ใหม่ จะชอบฉี่ใกล้ๆ
กล่องกระดาษ ต้องคอยวิ่งไปอุ้มมาใส่กระบะทราย (แต่เรื่องอึ๊ไม่มีปัญหา)
มีคนที่คอนโดฯแนะนำว่า เวลาเอาทิชชู่ไปเช็ดฉี่แล้ว ให้เอาทิชชู่อันนั้นมาใส่
กระบะทราย เค้าจะได้ตามมา แล้วก็ได้ผล ทุกวันนี้คาเวียร์มีวินัยสูงมาก
ทำธุระหนักเบาในกระบะทรายทุกครั้งไม่มีบกพร่อง แถมกลบซะมิดชิดอีกด้วย

ตบท้ายด้วยรูปกิจวัตรของคาเวียร์ กิน นอน เล่น แล้วก็ปล่อยของเสีย













ต้องขอขอบคุณคุณแม่ลูกสามสำหรับโปรแกรมจัดรูปด้วยนะคะ
ดูไฮโซขึ้นเยอะเลย

Monday, May 5, 2008

ของเหลือแบบหรู

เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา พ่อกับแม่ไข่ปลาต้องไปออกงาน หึหึ สร้างภาพอีกละ ลืมตัวทุกที จริงๆแล้วไปปาร์ตี้ี้ธรรมดาๆเท่านั้นแหล่ะ งานแรกนี่ไปสังสรรค์ drink drank drunk กับเพื่อนพ่อไข่ปลา ส่วนงานที่สองเป็นเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ของพี่เขยแม่ไข่ปลา แต่ไม่ว่าจะเป็นงานของญาติโยมฝ่ายไหน พ่อไข่ปลาก็ต้อง cook เองอยู่ดี เพราะแม่ไข่ปลาเก่งแต่ช่วยเจ้ากี้เจ้าการอย่างเดียว ถึงแม้ว่าจะลงมือทำอาหารเองไม่เป็น แต่แม่ไข่ปลามักจะมีประโยคที่พ่อไข่ปลาต้อง(ทน)ฟังอยู่เสมอๆ เช่น ไม่ต้องใช้อันนี้เหรอ แล้วทำไมไม่ใส่อันนี้ก่อน น่าจะทำอันนี้ก่อนนะ ฯลฯ ซึ่งแม่ลูกสามก็เคยเห็นมากับตา และยังต้องเตือนสติแม่ไข่ปลาอยู่บ่อยๆว่า "น้องต่อ โอปเค้าถือมีดอยู่นะ" โอปก็จะตอบอย่างใจเย็น เสียงต่ำๆว่า "ไม่เป็นไรหรอกพี่วิตตี้ มีดผมคม" ประมาณว่า โดนเข้าไปก็ไม่รู้สึกหรอก แถมแผลก็สวย บรึ๊ยยยย
เอ๊...ไหงมาเรื่องนี้ได้ วกกลับไปเรื่องเมนูของพ่อไข่ปลาต่อละกัน

สำหรับปาร์ตี้แรก พ่อไข่ปลาทำ Fusilli Bolognese (ชื่อฝรั่งนี่มันไฮโซจริงๆ) หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า พาสต้าเส้นเกลียวซ้อสหมู (ทำไมพอเป็นภาษาไทยแล้วมันบ๊านบ้าน) เรื่องของเรื่องคือ เมื่อประมาณเดือนกว่าๆมาแล้ว พ่อไข่ปลาได้มะเขือเทศมาถุงนึง ตั้งใจมากว่าจะเอามาทำซ้อส และจะแยกเป็นถุงๆไว้ในฟรีซเซอร์ เพื่อที่ว่าเวลาแม่ไข่ปลาหิว แค่เอา่เนื้อสัตวใส่์ลงไปเคี่ยวอีกแป๊บนึง ก็กินได้แล้ว หึหึ ผ่านไปเป็นเดือน ถุงซ้อสอยู่ครบ พ่อไข่ปลาบ่นแทบทุกวันว่าเมื่อไหร่จะทำกินเองมั่ง พอเพื่อนโทร.มานัด แม่ไข่ปลาเลยได้โอกาสเหมาะ ออกไอเดียกลโกงไปว่า "ฮันนี้ทำพาสต้าไปสิ" แถมยัง(กล้า)พูดต่อไปอีก "มีซ้อสอยู่แล้วนิ ใส่เนื้อไปอีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว" สำมะเร็จ (ไม่รู้ว่าหลงกลจริงๆหรือขี้เกียจด่าเราก็ไม่รู้) ฮันนี้ก็ออกไปซื้อหมูสับ เพราะเพื่อนคนนึงไม่กินเนื้อ แล้วก็กลับมาทำซ้อสหมูหม้อเ้บ้่อเริ่ม (ก็เอาถุงเล็กๆมาใส่รวมกันนั่นแหล่ะ) พร้อมลวกเส้นเกลียวอีก 2 ห่อใหญ่ ที่เลือกเส้น fusilli เพราะนอกจากจะกินง่ายแล้ว ยังชอบที่ซ้อสมันไปอยู่ตามเกลียวของเส้น เวลาตักใส่ปากก็เลยจะได้ทั้งรสชาติของเส้นและของซ้อสพร้อมๆกัน (มีหลักการนะเนี่ย) จะชมฝาละมีตัวเองตรงๆก็เกรงใจ แต่เอาเป็นว่า ตอนแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนๆแย่งกันจะใส่กล่องไปฝากลูกฝากเมียที่บ้านกันยกใหญ่ ทำเอาพ่อไข่ปลาหน้าบานอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ของพี่เขย ตอนแรกพ่อไข่ปลาจะทำอาหารที่เข้ากับหน้าตา เนื้อย่างเกาหลี แล้วด้วยสัญชาติญาน(หรือสันดานก็ไม่รู้)แม่ไข่ปลารีบทักท้วงว่า "เนื้อน่ะ ทำไม่นานหรอก แต่จะเสียเวลาตอนที่ทำน้ำจิ้ม เพราะต้องปั่นนู่นปั่นนี่" (ตามล้างเครื่องครัวจนจำได้) พ่อไข่ปลาเลยหันมาถามด้วยหน้าตาเบื่อหน่าย "แล้วฮันนี้อยากกินอะไรอ่ะ" "อืม...(คิดนิดนึงพองาม) เนื้อผัดพริกไทยดำใส่ bell pepper" (แต่มีรีเควสท์ชนิดผัก) เข้าใจว่าพ่อไข่ปลาคงเห็นด้วย เพราะไม่เห็นพูดอะไร แต่งตัวออกไปซื้อ material กลับมา cook ใส่ container เอาไปกินที่บ้านพี่เขย แล้วก็ขายดีตามคาด วิดน้ำราดข้าวกันจนกันดาร ตอนแรกก็กังวลกันว่า เนื้อจะเหนียวมั๊ย เพราะปกติแล้วถ้าอยากจะได้เนื้อดีหน่อย ต้องไปซื้อที่วิลล่า แต่คราวนี้ไม่มีเวลา เลยไปซื้อเนื้อสันในจากท๊อปส์ ซึ่งนุ่มใช้ได้เลยทีเดียว

ที่บอกว่าของเหลือแบบหรู มันเป็นผลพวงมาจากการทำอาหารไปทั้งสองปาร์ตี้นี่แหล่ะ คือเื่มื่อวันก่อน แม่ไข่ปลางอแง ไม่อยากออกไปทานข้าวนอกบ้าน แล้วก็ไม่อยากจะสั่งอะไรมาทาน พ่อไข่ปลาเลยไปมุดๆอยู่แถวตู้เย็น ซักแป๊บก็ขนของออกมากองๆข้างนอก เลยรีบถามตามนิสัยเจ๋อทุกเรื่อง
"ฮันนี้จะทำอะไรเหรอ" คำตอบสั้นและได้ใจความว่า "ทำของเหลือ..มั่วๆเอา" มามุขนี้ เราเลยไม่รู้จะวิจารณ์ หรือค้านยังไงดี พอดียุ่งๆพริ้นต์งานอยู่ด้วย เลย(ฝืนใจ)ปล่อยพ่อไข่ปลาให้มั่วไปคนเดียว ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็มีอาหารของเหลือแบบหรูมาวางอยู่ข้างๆ หน้าตาแบบนี้...










เสต๊กเนื้อสันใน
โดยมี side dish เป็นพาสต้าผัดกับ
bell pepper ใส่เบค่อนและเห็ดหอม
(ของเหลือทั้งน้านนน)





แต่ก็ยังฟาดกันไม่เหลือซาก แบบนี้...



เฮ้อ...
เมื่อไหร่จะมีคนชวนไปปาร์ตี้อีกน้า
แม่ไข่ปลาจะได้มีลาภปากหรูๆแบบนี้อีก




เรื่องตอนนี้้ ไม่ต้องทำเนียนเอารูปห้องน้ำมาอวดอ้างเสน่ห์ปลายไม้ขัดกับแม่บ้านสูงวัย เอ้ย! สมองไวทั้งหลาย (อิอิ) แต่่เอาอาหารที่พ่อไข่ปลาทำมาอวดเท่านั้นเอง ซึ่งก็ยังไม่ใช่ฝีมือตัวเองอยู่ดี หุหุ