Sunday, April 27, 2008

แม่ไข่ปลากับเชื้อรา??

ตอนที่แล้วเล่าแค่ว่าคาเวียร์เป็นเชื้อรา ลืมเล่า(แก้ตัว)ว่าทำไมถึงไม่ได้อัพบล๊อกซะนาน
นอกจากที่จะต้องพาคาเวียร์ไปหาหมออาทิตย์ละ 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเพื่อฉีดวัคซีนหลากหลายชนิด อาบน้ำ ทายา สู้กับเชื้อราและอาการภูมิแพ้ทางผิวหนังของลูกสาวสุดเลิฟแล้ว แม่ไข่ปลายังต้องไปออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2 หน แ่ห่ะๆ พูดจาสร้างภาพดีมะ จริงๆแล้วไปทำกายภาพบำบัดต่างหาก เนื่องจากกระดูกคอเสื่อม อ๊ะ...อันนี้ไม่ได้ขึ้นอยูกับอายุนะคะ แต่เป็นที่พฤติกรรมส่วนบุคคล (ดีเฟนด์สุดชีวิต) ใครที่ชอบนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือหรือทำงานกับคอมพิวเตอร์แล็พท๊อปนานๆ
อัตราเสี่ยงที่จะมีอาการนี้มีสูงมาก กระดูกคอของแม่ไข่ปลาเสื่อมไป 2 ข้อ
แถมแนวกระดูกก็ผิดรูป เลยโดนไปพบหมอกับทำกายภาพซะ 12 หน เรื่องค่าเสียหายไม่ต้องพูดถึง ตูดปอดหัวแบะไปเป็นเดือน ก่อนจะนอกเรื่องไปกว่านี้ สรุปว่า แม่ไข่ปลามัวแต่ยุ่งกับการพาตัวเองกับลูกสาวเข้าออกคลีนิคก็เลยอัพบล๊อกช้า
แต่ตอนนี้ตัวแม่หมดคอร์ส (และหมดตัว)แล้ว เลยมีเวลามากขึ้น งั้นเรามาเข้าเรื่องเชื้อรากันต่อดีกว่าเน๊อะ

พอรู้ว่าสาเหตุของการเป็นเชื้อราของคาเวียร์จนทำให้เจ้าหล่อนขนหูหายและหางหลิมแล้ว พ่อแม่ไข่ปลาก็ขะมักขะเม้นกับการไล่จับลูกออกจากห้องน้ำ จะปิดห้องน้ำตลอดก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวอับ จะปิดเฉพาะเวลาที่ต้องปล่อยเค้าอยู่บ้านคน เอ้ย ตัวเดียว จากกิจกรรมไล่จับนี้ เรายังได้ค้นพบฤทธิ์เดชอีกอย่างหนึ่งของลูกสาวตัวแสบ นั่นคือ Selective Hearing เธอเลือกที่จะได้ยินในสิ่งที่เราสั่ง ถ้าคุณเธอกำลังปีนผ้าม่าน จะเขมือบขาเก้าอี้หรือแทะเล็มสายไฟ (แสบมะ) แล้วพ่อกับแม่ไข่ปลาทำเสียงดังๆใส่ว่า่ "แน่ะๆ" เธอก็จะหยุด แต่ถ้าคุณเธอกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ต่อให้เราทำเสียงขู่ดังโหวกเหวกขนาดไหน เจ้าหล่อนก็จะทำหู(ซึ่งไร้ขน)ทวนลม หนวกกระทันหัน เดินเนิบๆเข้าไปซะงั้น ไม่วิ่งด้วยนะ เพราะเดี๋ยวจะแสดงว่าได้ยินว่าเราห้าม เดือดร้อนเราต้องลุกไปอุ้มออกมาวันละไม่รู้กี่รอบ นอกจากนี้ กิจกรรมการป้อนยาก็ทำเอาแม่ไข่ปลาเหงื่อตก เพราะเคยแต่ป้อนยาน้องหมา เก้ๆกังๆงงๆกันทั้งแม่ทั้งลูก จริงๆแล้วหมอยังยุให้หัดอาบน้ำเองด้วยนะ ไม่ไหวอ่ะ...แม่ไข่ปลาฯขอฝึกทีละอย่างละกัน

และแล้วความพยายามของพ่อแม่ไข่ปลาก็สัมฤทธิ์ผล ขนที่หูคาเวียร์ขึ้นมาอย่างสวยงาม ที่หางก็ดีขึ้น ยังเหลือตรงปลายหน่อยนึง แต่...ในขณะที่อาการของลูกดีขึ้นตามลำดับ แม่ไข่ปลาเริ่มสังเกตว่า มีตุ่มแดงๆขึ้นที่ข้างลำตัวช่วงบนด้านซ้าย ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะตัวเองแพ้นู่นแพ้นี่อยู่บ่อยๆ แต่มันคันคะเยอมากกก พยายามจะไม่เกาแล้ว แต่บางทีก็ลืม จากตุ่มเล็กๆ มันเริ่มตีวงแผ่กว้างออกเรื่อยๆ
ด้วยความที่เคยถามหมอต้อมแล้วว่าคนจะติดเชื้อราจากแมวมั๊ย หมอบอกว่าไม่ติด เราเลยไม่คิดว่าเป็นเชื้อรา จะไปหาหมอผิวหนังก็ยังขี้เกียจอยู่ เลยใช้วิธีเข้า google แล้วหาอาการของโรคผิวหนัง เอาล่ะสิ ไหงมันอาการเหมือนกลากเกลื้อน ลูกเป็นเชื้อรา แม่จะมาเป็นกลากเกลื้อนอีกเหรอเนี่ย อยู่เฉยไม่ได้ละ ไปให้หมอผิวหนังเค้าวินิจฉัยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

หลังจากถลกเสื้อให้คุณหมอผิวหนังที่รพ.เซ็นต์หลุยส์ดูวงงามๆข้างลำตัวได้ไม่ถึง 5 วิ คุณหมอยิงคำถามทันที "เลี้ยงแมวรึเปล่าคะ?" หึๆ หมอไม่ต้องพูดต่อ ก็รู้ชะตากรรมตัวเองแล้ว เชื้อราค่ะคุณขา ติดจากลูกสาวตัวแสบนั่นแหล่ะ
แล้วหมอนะ เขียนในประวัติว่าเป็นเชื้อราที่ติดจากแมว แต่เขียนมาในใบรับรองแพทย์ที่ต้องเอาไปเบิกที่ทำงานว่า "เป็นเชื้อราที่ลำตัว" ไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ของเราเล๊ย ตอนเอาไปยื่นที่ทำงาน ต้องรีบอธิบายเป็นพัลวัน

แน่นอน เพื่อคลายข้อกังขา แม่ไข่ปลากลับไปบอกหมอต้อมว่า ติดเชื้อราจากคาเวียร์ หมอก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจแต่อย่างใด แถมพูดออกมาซื่อๆว่า "ถ้าคนมีภูมิต่ำ ก็อาจจะติดได้" เวรกรรมของแม่ไข่ปลาอีกแล้วที่มีภูมิต่ำ เอ๊?? รึว่าหมอเค้าหมายถึงภูมิปัญญา

หลังจากกินยาและทายากันเป็นกระจาดมาเป็นเดือนทั้งตัวแม่ตัวลูก ตอนนี้เราสองคนปลอดเชื้อราแล้วนะคะ และมีรูปงามๆมาฝากค่ะ










ปล. สังเกตที่ปลายหางคาเวียร์
เหลือแค่ไอ้ปล้องนั้นที่ยังเป็น
ผิวหนังอักเสบอยู่
แต่รับรองว่าไม่ใช่เชื้อรา
เพราะแม่ไข่ปลาเชี่ยวชาญ
เรื่องนี้มาก มาจาก
ประสบการณ์ตรงเลยล่ะ


รูปพวกนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 51
2 วันก่อนคาเวียร์จะอายุ 3 เดือนเต็ม















2 comments:

แม่ลูกสาม said...

ตกลงภูมิอะไรต่ำล่ะจ๊ะ อยากรู้ๆ คริๆๆ

หน้าตาดีแล้วเนอะ ดูไฮโซ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย รัศมีจับสุดๆ

แม่ลูกสาม said...

อ่ะ เปลี่ยนหน้าตาบล็อก แต่ไม่อัพฯ อีกคน ยืมมุขเจ้าป้ามารึคะ คุณแม่น้องคาเวียร์